มาตรการแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน

Beach Lover ได้เคยนำเสนอแนวคิดเรื่อง การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solutions for coastal erosion) ไปแล้วในอดีต ติดตามได้จากโพส https://beachlover.net/nature-based-solutions/ ครั้งนี้ขอลงรายละเอียดด้านมาตรการที่ใช้เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น

การกัดเซาะชายฝั่งเป็นปัญหาที่สำคัญในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่ง การใช้ “ธรรมชาติเป็นฐาน” ในการแก้ไขปัญหานี้ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากวิธีการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ลดการกัดเซาะ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและให้ประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solutions for coastal erosion) คือการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธรรมชาติ หรือการเลียนแบบกระบวนการทางธรรมชาติ เพื่อลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง วิธีการนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศชายฝั่ง เช่น ป่าชายเลน หญ้าทะเล แนวปะการัง และเนินทราย ซึ่งเป็นแนวป้องกันตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความรุนแรงของคลื่นและกระแสน้ำ รวมถึงช่วยดักจับตะกอน ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กับชายฝั่งอย่างยั่งยืน

การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solutions for coastal erosion) เป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในการปกป้องและฟื้นฟูชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะ แทนที่จะใช้โครงสร้างแข็ง เช่น เขื่อนกันคลื่นหรือกำแพงกั้นทะเล วิธีนี้จะเน้นการฟื้นฟูหรือเสริมสร้างระบบนิเวศธรรมชาติที่มีอยู่ เพื่อให้ช่วยลดแรงคลื่นและการกัดเซาะชายฝั่งโดยธรรมชาติ

แนวทางการแก้ไขโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน

  1. การสร้างและฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง: ระบบนิเวศเช่น ป่าชายเลน แหล่งหญ้าทะเล หรือป่าพรุ สามารถช่วยดูดซับพลังงานของคลื่นและลดการกัดเซาะชายฝั่ง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคาร์บอนซึ่งมีผลดีต่อสภาพอากาศ ตัวอย่างเช่น ป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศที่ช่วยลดการกัดเซาะได้ดี โดยรากของต้นไม้จะช่วยยึดดินและลดความเร็วของน้ำทะเล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนที่จังหวัดสมุทรสงครามในประเทศไทย ซึ่งใช้วิธีการสร้างกำแพงไม้ไผ่เพื่อดักจับตะกอนและฟื้นฟูป่าชายเลนตามธรรมชาติ
  2. การสร้างแนวปะการังเทียม: แนวปะการังช่วยลดแรงของคลื่นก่อนที่จะถึงชายฝั่ง การสร้างแนวปะการังเทียมหรือการปลูกปะการังสามารถฟื้นฟูชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะได้ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือโครงการฟื้นฟูแนวปะการังในมัลดีฟส์ และประเทศไทยก็มีโครงการคล้ายกันที่จังหวัดภูเก็ต
  3. การใช้หาดทรายเสริม (Beach nourishment): การเติมทรายที่หาดที่มีการกัดเซาะเพื่อเพิ่มความกว้างและลดผลกระทบของการกัดเซาะ วิธีนี้สามารถใช้ร่วมกับการฟื้นฟูระบบนิเวศอื่น ๆ เช่น การสร้างเนินทรายธรรมชาติ ตัวอย่างในประเทศไทยคือการเติมทรายที่หาดพัทยาและจอมเทียน จังหวัดชลบุรี
  4. การสร้างเนินทราย (Dune restoration): การฟื้นฟูเนินทรายธรรมชาติสามารถช่วยลดการกัดเซาะชายฝั่งได้ เนินทรายทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันทางธรรมชาติที่ช่วยลดพลังของคลื่น ตัวอย่างเช่น ในเนเธอร์แลนด์ โครงการ “Zandmotor” ซึ่งใช้วิธีการเติมทรายจำนวนมากเพื่อสร้างเนินทรายธรรมชาติขนาดใหญ่
  5. การใช้แนวป้องกันธรรมชาติ (Living shorelines): แนวป้องกันธรรมชาติจะใช้พืชพรรณชายฝั่ง หอยนางรม หรือวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อสร้างแนวป้องกันทางธรรมชาติที่เสริมการป้องกันชายฝั่งจากคลื่น ตัวอย่างที่สำคัญคือโครงการฟื้นฟูแนวชายฝั่งด้วยหอยนางรมใน Chesapeake Bay, สหรัฐอเมริกา
  6. การปลูกหญ้าทะเล (Seagrass restoration): หญ้าทะเลช่วยยึดทรายและดินในทะเล ลดการกัดเซาะ ตัวอย่างของการฟื้นฟูหญ้าทะเลอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีโครงการฟื้นฟูพื้นที่หญ้าทะเลเพื่อช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่ง
ที่มา: World Bank 2016

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในประเทศไทย

  • โครงการฟื้นฟูป่าชายเลน สมุทรสงคราม: โครงการนี้ใช้วิธีการฟื้นฟูป่าชายเลนโดยการสร้างแนวไม้ไผ่ดักตะกอน ทำให้เกิดการสะสมของดินและฟื้นฟูป่าชายเลนขึ้นใหม่ ช่วยลดการกัดเซาะชายฝั่งได้
  • การเติมทราย หาดพัทยาและจอมเทียน: หาดพัทยาและจอมเทียนในจังหวัดชลบุรีมีโครงการเติมทรายเพื่อเสริมความกว้างของหาดและลดผลกระทบจากการกัดเซาะ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในต่างประเทศ

  • Zandmotor, เนเธอร์แลนด์: โครงการสร้างเนินทรายขนาดใหญ่ที่ใช้ทรายมากกว่า 21.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อปกป้องชายฝั่งทางตอนใต้ของกรุงเฮก โครงการนี้ใช้ธรรมชาติเป็นเครื่องมือหลักในการปกป้องชายฝั่งในระยะยาว
  • Living shorelines, Chesapeake Bay: โครงการนี้ใช้การฟื้นฟูหอยนางรมและพืชพรรณชายฝั่งเพื่อสร้างแนวป้องกันธรรมชาติที่ยืดหยุ่นต่อการกัดเซาะและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ

การใช้ธรรมชาติเป็นฐานเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันชายฝั่งเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย