Home

ข่าว

คลื่นใหญ่ซัดประจวบฯ

ที่มาข่าว: หนังสือพิมพ์ประจวบโพสต์ คลื่นใหญ่ซัดประจวบฯ ต่อเนื่อง วันที่2 ส่วนหัวหิน กำแพงโรงแรมพังน้ำเต็มฝั่ง​ (วันที่ 18 พ.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์คลื่นลมในทะเลยังคงรุนแรงต่อเนื่องตลอดแนวชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงเช้าคลื่นจะมีความรุนแรง ซัดเข้าหากชายหาดตลอดเวลา โดยเฉพาะที่ชายหาดหัวหิน-หาดเขาตะเกียบ และหาดเขาเต่า ไม่มีชายหาดเหลือให้เห็นเนื่องจากคลื่นซัดน้ำทะเลเข้ามาจนถึงแนวกำแพงกันคลื่นของโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารตลอดแนว จากเดิมจะมีชายหาดกว้างให้นักท่องเที่ยวได้ลงมาเดิน และชี่ม้าเล่นกัน แต่ตั้งแต่วานนี้ไม่สามารถทำกิจกรรมทางทะเลได้ โดยเฉพาะร้านอาหารชายหาดหัวหิน 22 ต้องเก็บข้าวของและเตียงผ้าใบขึ้นมาจนติดแนวกำแพง ทำให้ไม่สามารถจำหน่ายอาหารให้กับนักท่องเที่ยวได้ ส่วนบรรดาผู้ประการให้ม้าเช่าที่ชายหาดหัวหิน ก็บ่นว่ารายได้ 2 วันนี้ลดลงไปทันที เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวมานั่งม้าขี่ไปตามแนวชายหาด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลักษณะเช่นนี้ไปอีก 2-3 วัน มีเพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวจีนที่ลงมาที่หาดดูคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งกัน อย่างไรก็ตามจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรงต่อเนื่องส่งผลให้แนวกำแพงกันคลื่นของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ หัวหิน พังเสียหายเป็นแนวยาวบางช่วง ส่วนที่เหลือคลื่นได้กัดเซาะเข้าไปใต้ฐานจนมีเศษก้อนหินขนาดใหญ่ เล็กโผล่ขึ้นมาให้เห็น ในขณะเดียวกันพนักงานโรงแรมต้องนำเชือกขาว แดงมากั้นเป็นแนวยาวกันให้นักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนในโรงแรม เดินไปบริเวณดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้นต้นมะพร้าว เสาไฟบริเวณชายหาดได้รับความเสียหาย ต้นมะพร้าวโค่นล้ม ตลอดจนมีเศษไม้ เศษขยะ ต่างๆถูกคลื่นซัดขึ้นมาบริเวณชายหาดตลอดแนวหัวหิน-หาดเขาตะเกียบ ส่วนเรือประมงพื้นที่บ้านกว่า 100 ลำได้นำเรือเข้ามาจอดหลบคลื่นลมในบริเวณคลองเขาตะเกียบ และบริเวณสะพานปลาหัวหิน นายจำนงค์ บุตรสงค์ […]

น้ำท่วมหาดพัทยา อีกแล้ว !

ที่มา: Facebook page: PattayaWatchDog ชายหาดพัทยา เวลาฝนตกหนัก มวลน้ำไหลบ่ากัดเซาะชายหาดบางจุดกว้างเป็นเมตรๆ แต่เมืองพัทยาใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท วางท่อระบายน้ำขนาด 60 เซนติเมตร หวังรับน้ำฝน สุดท้ายน้ำกัดเซาะชายหาดเหมือนเดิม แยกมุมอร่อย งบทำบ่อสูบน้ำ 100 กว่าล้านบาทขุดถนนเป็นปีๆ เมืองพัทยารู้ว่า มวลน้ำจากซอย 5 ธันวา ไหลแรง 7 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 ตัวที่บ่อสูบน้ำสุขุมวิท ซอย 5 ธันวา รับมวลน้ำได้ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปล่อยน้ำอีก 6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไหลไปรวมที่แยกมุมอร่อยสายสาม ซึ่งมีบ่อสูบน้ำ มีเครื่องสูบน้ำ 2 ตัว รับมวลน้ำได้ 0.52 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีมวลน้ำเหลือ 5.48 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ท่วมขังบนถนน

ตรวจสอบน้ำเสียลงทะเล หาดสุรินทร์

ที่มาข่าว: https://www.facebook.com/DMCRTH กรมทะเลชายฝั่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล บริเวณชายหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต วันที่ 10 ตุลาคม 2566 สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 โดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล บริเวณชายหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตามที่เป็นข่าวในสื่อออนไลน์เพจเฟสบุ๊ค(ขยะมรสุม) เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 นั้น เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้สอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ ทราบว่าสาเหตุเกิดจากหัวสูบน้ำในระบบบ่อบำบัดน้ำเสียขององค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลได้ตกลงไปถึงก้นบ่อบำบัดจึงทำให้ดูดตะกอนของเสียที่อยู่ก้นบ่อขึ้นมา ทั้งนี้ได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล เพื่อทราบและได้เข้ามาดำเนินการแก้ไขระบบหัวสูบน้ำในบ่อบำบัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ท้องทะเลชลบุรี กำลังกลายเป็น “เขตแห่งความตาย” ?

ที่มา: https://bbc.in/3rv4fKF ท้องทะเลชลบุรี กำลังกลายเป็น “เขตแห่งความตาย” ? ชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง ที่ผู้คนเลือกเดินทางพักผ่อนช่วงวันหยุดยาว หรือสุดสัปดาห์ มาวันนี้ น้ำทะเลแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต มองผิวเผินอาจดูแปลกตา แต่เมื่อเข้าไปสำรวจใกล้ ๆ กวักน้ำขึ้นมามองให้ชัดขึ้น จะพบว่าน้ำทะเลให้ความรู้สึกเหนียวหนืด เต็มไปด้วยกลิ่นหญ้าและปลาตาย นี่คือปรากฏการณ์ “แพลงก์ตอนบลูม” หรือ “ขี้ปลาวาฬ” ที่มักเกิดทุกปี แต่ปีนี้เนิ่นน่านกว่าปกติ เพราะเกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ครอบคลุมผืนทะเลหาดบางแสน ลามไปถึงเกาะล้าน อ่านเพิ่มเติมได้จาก https://bbc.in/3rv4fKF

ลงพื้นที่ตามการร้องเรียนการกัดเซาะชายฝั่ง หาดแม่น้ำเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

วันที่ 6 กันยายน 2566 เวลา 10.30 น. นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติตตามกรณีมีการร้องเรียนปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณชายหาดแม่น้ำ หมู่ที่ 1 ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายณัฐดนัย หิมทอง อดีตกำนันตำบลหน้าเมือง เป็นผู้นำในการตรวจพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าบริเวณชายหาดหลังแนวกองหิน ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นแนวยาว พร้อมกันนี้ ได้รับฟังปัญหาจากนายกิตติพงศ์ เมฆมี ผู้แทนของผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งบริเวณดังกล่าว ในการนี้ รรท.อทช. จะเร่งนำปัญหากรณีดังกล่าว ประสานกับกรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกับชุมชนในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ชายหาดแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้เกิดผลในระยะยาวต่อไป

ทช.ติดตามการแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่ง จังหวัดพังงา

ที่มา: https://web.facebook.com/DMCRTH ทช. ร่วมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่บ้านท่านุ่น และบริเวณร้านน้องเปรี้ยว หาดบางเนียง จังหวัดพังงา วันที่ 2 กันยายน 2566 ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วยนายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ดร. ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 พร้อมกันนี้ มีดร.จตุรงค์ คงแก้ว รองคณบดีฝ่ายบริหารและทรัพยากรบุคคล คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เข้าร่วมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่บ้านท่านุ่น ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา และบริเวณร้านน้องเปรี้ยว หาดบางเนียง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ทั้งนี้ โครงการปักไม้ไผ่ดังกล่าว เป็นความร่วมมือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตภูเก็ต และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และพบว่ามีความสำเร็จเป็นอย่างดีที่สามารถป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและเกิดการสะสมของตะกอนประมาณ 80 เซ็นติเมตร

ท่อน้ำมันดิบไทยออยล์ แตกรั่ว น้ำมันดิบไหลลงทะเล

ที่มา: https://web.facebook.com/profile.php?id=100066914075214 เมื่อวันที่ 4 กันยายน2566 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี รายงานผู้บังคับบัญชา เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 เวลาประมาณ 20.00 น. เกิดเหตุขณะไทยออยล์รับส่งสินค้า (น้ำมันดิบ) พบว่ามีท่อจ่ายแตกรั่ว ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบไหลลงทะเล (ไม่ทราบปริมาณ) ขนาดความดันขนถ่ายสินค้า 8 บาร์ บมจ.ไทยออยล์ ร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาชลบุรี ได้ดำเนินการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ โดยล้อมและฉีดพ่นสารเคมีจุดเกิดเหตุ และในช่วงเช้านำโดรนบินสำรวจพบว่ามีขนาดความกว้างของน้ำมันดิบในทะเลประมาณ 5 กม. ในการนี้ บมจ.ไทยออยล์ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ณ อาคารหอประชุมบริษัท ไทยออยล์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปแล้ว

นศ.วัย 16 ปี จมทะเลหาดแสงจันทร์ ร่างติดซอกหินของเขื่อนกันคลื่น

ที่มา: https://www.fm91bkk.com/newsarticle เมื่อเวลา 11:00 น.ของวันที่ 3 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศลระยอง และทีมค้นหาใต้น้ำ ก็คนพบร่างของ นางสาวเพชรดา นักเรียนหญิง ชั้น ปวช. ปี 1 อายุประมาณ 15-16 ปี ของวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ในจังหวัดระยอง ที่ถูกคลื่นซัดจมหายไปในทะเล ขณะลงเล่นน้ำกับเพื่อนรวม 4 คน ที่บริเวณชายหาดแสงจันทร์ ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองจังหวัดระยอง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ โดยพบร่างของผู้สูญหาย ติดอยู่กับซอกหินของเขื่อนกันคลื่น เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ยกหินออกก่อน จึงสามารถนำร่างขึ้นฝั่งได้ ท่ามกลางความเสียใจของญาติ ๆ ที่มาเฝ้ารอสังเกตการณ์ค้นหา ตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงเช้าวันนี้ โดยเมื่อช่วงเช้าญาติผู้เสียชีวิตได้ทำการจุดธูป 7 ดอกไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขอให้พบร่างของน้อง ต่อมาไม่นานเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พบว่าร่างของน้อง ติดอยู่ที่บริเวณซอกหินของเขื่อนกันคลื่น โดยพบว่าตามร่างกายมีบาดแผลฉีกขาด ตามบริเวณใบหน้า และร่างกายเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนคาดว่าจะถูกคลื่นซัดกระแทกกับโขดหินในทะเล อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขื่อนกันคลื่น (Breakwater) ได้ที่ https://beachlover.net/breakwater/

คลื่นลมแรงชายฝั่งเกาะลันตา

ที่มา: https://www.facebook.com/DDPMNews วันที่ 1 ก.ค.66 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กระบี่ รายงาน เมื่อเวลาประมาณ 03.00-15.00 น. เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรงในพื้นที่อำเภอเกาะลันตา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน ดังนี้ – ตำบลเกาะกลาง ม.4 บ้านคลองย่าหนัด ต้นไม้ล้มทับทางหลวงแผ่นดินสาย 4026 ท้องที่ ท้องถิ่น อบต.เกาะกลาง ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขแล้ว – ตำบลเกาะลันตาน้อย ม.1 บ้านหลังสอด ต้นไม้ล้มทับทาง สมาชิก อส. อบต.เกาะลันตาน้อย ดำเนินการแก้ไขแล้ว – ตำบลศาลาด่าน ม.1 บ้านศาลาด่าน ม.3 บ้านโล๊ะบาหรา ต้นไม้ล้มทับทางสาธารณะ และบ้านเรือนราษฎร 1 หลัง ทต.ศาลาด่าน ท้องที่ ตร. กฟภ.เกาะลันตา ดำเนินการแก้ไขแล้ว – […]

เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี ชายฝั่งทะเลศรีราชา

ที่มา: https://www.facebook.com/DMCRTH วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก รายงานการเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี บริเวณชายฝั่งทะเลศรีราชา จ.ชลบุรี ห่างชายฝั่ง 5 กม. อ้างอิงข้อมูลจากกลุ่มไลน์ RT Bangsaen โดยสถานีวิจัยประมงศรีราชา คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายงานข้อมูลคุณภาพน้ำตรวจวัดที่สถานี ST5 ซึ่งพบปริมาณออกซิเจนละลายน้ำต่ำที่ระดับพื้นท้องน้ำ ประกอบกับพบการสะพรั่งของไดโนแฟลกเจลเลตชนิด Noctiluca scintillans จากการสำรวจ ซึ่งแพลงก์ตอนชนิดนี้ไม่สร้างสารชีวพิษ และมักพบว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีในหลายพื้นที่ นอกจากนั้น พบปลาตายเล็กน้อยในพื้นที่เกิดปรากฏการณ์ฯ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป

see more…

สถานการณ์ชายฝั่งทะเล

พาสำรวจตะกอนทรายชายหาดปัตตานี

ตะกอนบนชายฝั่งแต่ละแห่งมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันไปตามบริบทของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้นๆ แรงกระทำจากภายนอกอย่างคลื่น ลม กระแสน้ำ ตลอดจนแหล่งกำเนิดของตะกอน แม้กระทั่งบนพื้นที่เดียวกันแต่ต่างช่วงเวลากัน ตะกอนชายฝั่งก็อาจมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามปัจจัยที่ว่ามานี้ ชายหาด จ.ปัตตานี มีระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร ส่วนมากเป็นหาดทรายทั้งหมดมีโคลนปะปนบ้างบริเวณปากร่องน้ำและปากอ่าวปัตตานี Beach Lover ได้มีโอกาสลงสำรวจชายหาด จ.ปัตตานี ในหลายพื้นที่ ขอนำภาพทรายของแต่ละชายหาดมานำเสนอให้ได้ชมกันว่าแม้จะเป็นหาดทรายที่อยู่ใกล้เคียงในจังหวัดเดียวกัน ก็พบว่ามีคุณลักษณะที่แตกต่างกันทั้งขนาดและสี

หาดนราทัศน์หายไปไหน? กลับมารึยัง?

Beach Lover ได้เคยนำเสนองานวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งบริเวณหาดนราทัศน์ไปแล้ว ติดตามได้จากโพสเก่าๆ (https://beachlover.net/ชายหาดหายไปไหน-หาดนราท/) Beach Lover ได้มีโอกาสสำรวจภาคสนามบริเวณหาดนราทัศน์อีกครั้งในเดือนตุลาคม 2566 ครั้งนี้ชวนเดินสำรวจ “กำแพงกันคลื่น” ด้านหลังของ “เขื่อนกันคลื่น (Breakwater)” ตัวที่ 7 และ 8 ทางทิศเหนือของหาดนราทัศน์ ซึ่งมีรูปแบบเป็นกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียง แต่ดูเหมือนว่าหินที่นำมาก่อสร้างนั้นคัดขนาดมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ รวมถึงมาตรฐานงานก่อสร้างด้วย จึงพบความเสียหายบนสันกำแพงเกือบตลอดทั้งแนว พื้นที่ด้านหลังกำแพงนั้นมีบ้านเรือนประชาชนน้อยมาก พบร่องรอยการท่วมถึงของน้ำทะเลในอดีต และมีถนนดินเส้นเล็กๆวิ่งเลียบกับแนวกำแพงกันคลื่นไปยังปากคลอง อันที่จริงโครงสร้างเขื่อนกันคลื่นทั้ง 8 ตัวที่วางอยู่นอกชายฝั่งด้านหน้ากำแพงกันคลื่นนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยทั่วไปจะสามารถป้องกันพื้นที่ด้านหลังโครงสร้างให้ปลอดภัยได้ แต่จะเกิดผลกระทบในพื้นที่ถัดไปและพื้นที่ระหว่างช่องเปิดของโครงสร้าง (https://beachlover.net/โครงสร้างชายฝั่งทะเล-เข/) แต่ในกรณีนี้ เพราะเหตุใดชายหาดด้านหลังจึงหายไปทั้งหมดในอัตราที่น่าตกใจ คือถูกกัดเซาะหายไปถึง 140 เมตรในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา จนเป็นสาเหตุให้ต้องสร้างกำแพงกันคลื่นด้านหลังอีกชั้นหนึ่ง … ควรตั้งคำถามไปที่ใครดี?!?

ถนนเลียบชายหาด ท่าเรือหน้าทอน เกาะสมุย

เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นที่รู้จักดีสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติว่าเป็นเกาะขนาดกลางทางฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่อุดมไปด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลสีสวย ที่พักและอาหารก็มีหลากหลายให้เลือกตามความสามารถในการจ่ายเงิน การเดินทางไปยังเกาะสมุยสามารถไปได้ในสองช่องทางหลักคือ เดินทางโดยเครื่องบินตรงลงสนามบินเกาะสมุย สำหรับสายการบินตรงของประเทศไทย ณ ปัจจุบัน มีเพียง Bangkok Airways เพียงสายการบินเดียว (ในอดีตมีสายการบินไทยด้วย) และอีกช่องทางหนึ่งคือการนั่งรถมาต่อเรือ Ferry ที่ท่าเรือดอนสัก โดยมีสองบริษัทใหญ่ให้บริการอยู่คือ Seatran Ferry และ Racha Ferry ในราคาค่าโดยสารที่เท่ากัน โดยสามารถนำรถทุกขนาดขึ้นเรือได้ สำหรับท่าเรือฝั่งเกาะสมุย หากเป็นบริษัท Racha Ferry จะขึ้นที่ท่าเรือแถวลิปะน้อย ซึ่งอยู่ห่างจากสิ่งอำนวยความสะดวกของนักท่องเที่ยวพอสมควร แต่หากเป็น Seatran Ferry จะขึ้นที่ท่าเรือหน้าทอน ซึ่งอยู่ในแหล่งที่เป็นใจกลางของเกาะ คือรายล้อมไปด้วยสถานที่ราชการ ร้านอาหาร ที่พัก รถเช่า ขนส่งสาธารณะ และชายหาดที่สวย ในระยะเดินได้อย่างสะดวก บริเวณหาดหน้าทอนนี้ อดีตเป็นชายหาดยาวและกว้าง แต่หลังจากที่มีการพัฒนาเมืองและท่าเทียบเรือ มีการตัดถนนประชิดชายหาดมาก แต่เนื่องจากชายหาดแถบนี้ค่อนข้างกว้าง และมีความลาดชันต่ำมาก ยามน้ำลงนั้น ระดับน้ำห่างจากแนวถนนลงไปค่อนข้างมาก ยามน้ำขึ้นแม้ในบางฤดูกาลจะขึ้นถึงขอบถนนส่วนที่ประชิดทะเล แต่ด้วยหาดที่กว้าง […]

ท้องโหนด สวยแบบซุ่มเงียบ

เมื่อนึกถึงขนอม ใครๆอาจคิดถึงหาดขนอม ที่ตั้งของที่พักหลากหลายรสนิยมในหลากหลายราคา น้อยคนที่จะนึกถึงหาดเล็กๆอย่าง หาดท้องโหนด หาดทรายขนาดเล็กในกระเปาะ (Pocket beach) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหาดขนอม รอยต่อระหว่าง อ.ดอนสัก สุราษฎร์ธานี และ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช หาดแห่งนี้มีที่พักและร้านอาหารเพียง 2 แห่งเท่านั้น จึงมีความเงียบสงบสูง เท่าที่เดินเท้าสำรวจ ชายหาดมีความกว้างมากกว่า 40 เมตร มีความสมบูรณ์ของเนินทรายและยังไม่พบร่องรอยของการกัดเซาะชายฝั่ง หาดเล็กๆแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานประปาที่ทำหน้าที่สูบจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ ลำเลียงผ่านท่อลอดใต้ทะเลระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรไปขึ้นฝั่งแถบหาดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะสมุยอีกด้วย  เนื่องจากแหล่งน้ำบนเกาะสมุยนั้นไม่สามารถผลิตน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้เพียงพอกับความต้องการใช้ที่สูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวบนเกาะสมุย

Elastocoast กับกำแพงกันคลื่น

Elastocoast คือวัสดุที่ใช้เพื่อเททับแนวเขื่อนป้องกันการกัดเซาะตลิ่งแม่น้ำและทะเล ประกอบด้วยหินกรวดขนาดเล็กที่ถูกยึดติดกันด้วยโพรียูรีเทน 2 องค์ประกอบ (Two-component polyurethane) โดยหินกรวดนี้จะถูกน้ำยาเคลือบเหมือนมี Film บางๆของโพรียูรีเทนมาหุ้ม เมื่อน้ำยานี้แข็งตัว Film บางๆที่เคลือบหินกรวดจะเป็นตัวยึดให้หินทุกก้อนติดกันเฉพาะส่วนที่ contact กัน ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างก้อนกรวดนี้ ส่งผลให้โครงสร้างที่ถูกเททับด้วย Elastocoast มีความพรุนน้ำสูง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการการรับแรงปะทะและสลายพลังงานคลื่น Beach Lover ได้เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ Elastocoast ไปแล้ว ติดตามได้จาก https://beachlover.net/elastocoast-คืออะไร/ วันนี้ขอพาชมโครงการของกรมเจ้าท่าที่ใช้ Elastocoast เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบโครงการกำแพงป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านทุ่งใหญ่ ต.เขารูปช้าง หรือที่ชาวบ้านแถบนี้เรียกกันว่าริมทะเลบ่ออิฐ-เกาะแต้ว ที่เพิ่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อปลายเดือนกันยายน 2565 ด้วยระยะทาง 3,450 เมตร งบประมาณ 219,935,000 บาท พบว่า มีการใช้ Elastocoast กับพื้นที่ด้านในส่วนถัดจากโครงสร้างหลัก หรือ กำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงตลอดทั้งแนว โดยมีระดับอยู่ใกล้เคียงกับสันของกำแพงกันคลื่นพอดี โดยพบว่าพื้นที่ด้านในส่วนถัดจาก Elastocoast เข้ามามีการปูทับด้วยคอนกรีตบล็อคเพื่อเป็นทางเดินเท้า จากการสำรวจพบเศษหินขนาดเล็กที่หลุดล่อนออกจากการเคลือบประสานด้วยน้ำยาอยู่บ้าง โดยยังไม่พบความเสียหายในลักษณะเดียวกันกับพื้นที่อื่นๆที่ใช้ Elastocoast เหมือนกัน อาจเกิดจากการที่พื้นที่อื่นๆได้ใช้ […]

สิ้นชื่ออ่าวดงตาล?

Beach Lover เคยพาสำรวจอ่าวดงตาลในช่วงสองปีที่ผ่านมาหลายครั้ง ติดตามได้จากโพส https://beachlover.net/อ่าวดงตาล-ถูกขลิบ/และ https://beachlover.net/รื้อกำแพง-อ่าวดงตาล/ และ https://beachlover.net/ดงตาล-กับ-ชายหาดที่หายไป/ โดยในเวลานั้นพื้นที่หาดดงตาลทางทิศตะวันออกติดกับหัวเขายังคงเป็นหาดทรายธรรมชาติ และถูกเปิดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใช้พื้นที่ได้แบบจำกัดเวลา มาวันนี้ ขอพอสำรวจอ่าวดงตาลอีกครั้ง โดยพบว่าโครงสร้างที่กล่าวถึงในโพสก่อนหน้าแล้วเสร็จไปบางส่วนแล้ว และพบว่าทางทิศตะวันตกของอ่าว มีกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงพร้อมการปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านบนซึ่งเป็นโครงการที่เสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนั้นยังพบ งานปรับปรุงกำแพงกันคลื่นเดิมที่มีลักษณะเป็นแนวดิ่งโดยการนำหินมาถมด้านหน้าเพื่อลดแรงปะทะและสะท้อนกลับของคลื่น เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ อ่าวดงตาลระยะทางกว่า 3.5 กิโลเมตรนี้ จะถูกขลิบด้วยกำแพงกันคลื่นตลอดทั้งแนว เมื่อนั้น “อ่าวดงตาล” ชายหาดเลื่องชื่อสำหรับกีฬาทางน้ำคงเหลือเพียงตำนานหรือไม่ รอติดตามอย่างใจเย็น

“พร้อมปรับภูมิทัศน์”คำสร้อยต่อท้ายโครงการป้องกันชายฝั่ง

เรามักได้ยิน “คำสร้อย” ต่อท้ายโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอยู่บ่อยครั้งว่า “พร้อมปรับภูมิทัศน์” นั่นหมายความว่า สภาพเดิมๆก่อนปรับคงดูแย่และเป็นทัศนะอุจาดมากจนจำเป็นต้องปรับภูมิทัศน์ให้มันพอดูได้มากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงก็คือ ชายหาดเกือบทั้งหมดที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการที่มี “คำสร้อย” ต่อท้ายนี้ ล้วนมีสภาพที่สมบูรณ์ บางส่วนอาจดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็เพราะเราไม่สามารถไปจัดระเบียบให้กระบวนการชายฝั่งอยู่ในแถวและยืนขาชิดได้ ชายหาดถูกปรับไปตามการกระทำของคลื่นลมซึ่งไร้ระเบียบ มนุษย์บางจำพวกพยายามเข้าไปกักบริเวณ โดยการ “ขลิบ” ชายหาดให้แถวตรงอยู่กับที่ด้วยกำแพงกันคลื่น ด้วยเห็นว่า เหล่านี้คือการจัดระบบระเบียบ ทัศนียภาพริมชายหาดจะได้ดูเรียบร้อยสวยงามตามแบบฉบับของ “รัฐผู้รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย” ภาพชายหาดด้านบน คือภาพในอดีตของชายหาด ที่ในปัจจุบัน (2566) กำลังเกิดโครงการป้องกันชายฝั่งทะเลพร้อมคำสร้อยว่า “ปรับภูมิทัศน์” ตามรายละเอียดด้านล่าง จากสภาพไม่พบการกัดเซาะอย่างรุนแรง หรือแม้แต่ความจำเป็นที่รัฐต้อง “จัดระเบียบ” ชายหาดด้วยการพ่วงคำสร้อยว่า “ปรับภูมิทัศน์” แต่ประการใด แต่โครงการดังกล่าวนี้ก็ยังคงเกิดขึ้น โดยมีสถานการณ์ล่าสุดแสดงดังภาพต่อไปนี้ VDO Clip การเดินสำรวจติดตามได้จาก https://youtu.be/65zfvQjIWc4 ความเป็นจริงอีกข้อที่เราจะละเลยไม่ได้ก็คือ เราไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงทีที่ธรรมชาติเอาคืนบ้าง เขาคงเล่นงานพวกเราแบบสาสมใจ และเมื่อนั้นเหล่ามนุษย์ที่เล่นบทเป็นผู้กำกับธรรมชาติในตอนแรก อาจเป็นฝ่ายที่ถูกจัดระเบียบให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยเสียเอง … ก็เป็นได้

กัดเซาะชายหาดบ้านบูดี แหลมตาชี ปัตตานี

ชายหาดบ้านบูดี ตั้งอยู่บนแหลมตาชีหรือแหลมโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นหาดทรายยาวต่อเนื่องกับหาดตะโละกาโปร์ เป็นแหลมที่กั้นอ่าวปัตตานี (ทะเลใน) และอ่าวไทย (ทะเลนอก) เกิดจากการก่อตัวของสันทรายที่ยื่นออกไปในทะเลในลักษณะสันดอนจะงอย โดยปลายแหลมจะงอกเพิ่มขึ้นทุกปี บริเวณด้านในของแหลมฝั่งที่หันหน้าเข้าหาแผ่นดินใหญ่ ใกล้ๆกับหาดบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนมากมาย เช่น บ้านดาโต๊ะ บ้านตะโละสะมิแล ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก และมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลากะพง หอยแครง หอยแมลงภู่ เป็นต้น และบริเวณด้านนอกของแหลมฝั่งที่หันหน้าออกทะเลกว้าง มีที่พักเอกชนให้บริการหลายแห่ง (https://thai.tourismthailand.org/Attraction/แหลมตาชี-หรือ-แหลมโพธิ์) Beach Lover ได้เคยพาไปสำรวจชายหาดบริเวณแหลมตาชีมาแล้วหลายครั้ง อ่านเพิ่มเติมได้จากการ Icon search ด้านมุมขวาบนของเวบนี้ แล้วค้นหาคำว่า “แหลมตาชี” ล่าสุด Beach Lover ได้ลงพื้นที่สำรวจชายหาดแถบนี้อีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน 2566 พบว่ามีการพัฒนาพื้นที่ริมชายหาดไปเป็นรีสอร์ทมากขึ้นกว่าเดิม ยังพบอีกว่ามีรีสอร์ทหลายแห่งกำลังก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดให้บริการในเร็ววันนี้ โดยสังเกตเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินริมชายหาดจากภาพถ่ายดาวเทียมปี 2557-2565 ตามภาพด้านบน จากการเดินเท้าสำรวจพื้นที่ในกรอบสีแดงของรูปด้านบน พบร่องรอยการกัดเซาะชายฝั่ง รวมถึงความพยายามในการป้องกันชายฝั่งหลายรูปแบบ ดัง Clip VDO นี้ https://youtu.be/RNgObpA4bJg พบว่าถนนริมชายฝั่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าสร้างมาแล้วนานเท่าไหร่พังเสียหายและไม่สามารถสัญจรได้ สังเกตจากแนวถนนเดิมแล้วพบว่าถนนเส้นนี้ตัดประชิดกับชายหาดมากๆและยังไม่พ้นจากระยะอิทธิพลของคลื่นและน้ำทะเล […]

รากโกงกางเทียม (อีกรอบ) ณ หาดนางทอง

เมื่อปลายปีก่อน Beach Lover ได้เคยพาสำรวจโครงการรากโกงกางเทียมเพื่อป้องกันชายฝั่ง ณ หาดนางทอง เขาหลักไปแล้ว ติดตามได้จากโพส https://beachlover.net/ระเนระนาด-หาดนางทอง-เขาหลัก/ ครั้งนี้ขอพาชมซากที่ยังหลงเหลืออยู่ของรากโกงกางเทียมกันอีกซักรอบในช่วงต้นฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ สภาพโดยรวมแทบจะไม่เหลือรากโกงกางเทียมที่ทำจากยางให้เห็นแล้ว เกือบทั้งหมดหลุดออกจากฐาน มีบางส่วนจมอยู่ใต้ทราย นอกจากนั้นยังพบว่าตัวฐานที่เป็นเสาสำหรับยึดรากโกงกางเทียมเอนไปมาและไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ติดตั้งไว้เดิม นอกจากนั้นยังพบว่ามีรอยแตกร้าวในแนวดิ่งเหมือนกันทุกต้น คาดว่าเกิดจากแรงปะทะของคลื่น ชม VDO clip การเดินสำรวจได้ที่ https://youtu.be/9zTpKvD0q88 บริเวณโดยรอบยังพบซากของฐานและรากโกงกางเทียมกระจายเป็นหย่อมๆ คาดว่าอาจถูกคลื่นซัดหลุดออกจากตำแหน่งติดตั้ง และมีการเก็บซากมากองไว้รวมกัน นอกจากนั้นยังพบว่า พื้นที่รอบๆโครงสร้างนี้ยังคงต้องใช้โครงสร้างป้องกันชายฝั่งแบบเดิมเหมือนก่อนที่จะมีโครงการนี้เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งกันต่อไป ภาพทั้งหมดถ่ายเมื่อ 23 พ.ค.2566

หาดบางดี ยังสบายดี?

Beach Lover เคยเล่าเรื่องราวของหาดบางดี จ.นครศรีธรรมราชมาแล้วก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีกระแสการต่อต้านโครงสร้างกำแพงกันคลื่นในเวทีรับฟังความคิดเห็นเมื่อปีที่แล้ว ติดตามได้จากโพสเก่าๆ ในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือนี้ Beach Lover ได้มีโอกาสกลับไปสำรวจสภาพของชายหาดบางดีอีกครั้งหนึ่ง พบว่าชายหาดโดยรวมยังสมบูรณ์ ยังไม่มีการโค่นล้มของต้นไม้ริมทะเลจากคลื่นในช่วงมรสุม แต่พบว่าชายหาดส่วนบนตัดชันขึ้นจากคลื่นที่รุนแรงในช่วงมรสุม ซึ่งเป็นผลกระทบที่คาดการณ์ได้จากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงต้นปี ผู้ประกอบการร้านอาหารเครื่องดื่มริมทะเลเล่าให้เราฟังว่า ช่วงปลายปีก่อนจะเข้าช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากจนคลื่นซัดเข้ามาถึงถนนด้านใน ร้านริมทะเลปิดร้านไป 1-2 วันและขนของออกจากพื้นที่ แต่เหตุการณ์นี้เกิดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ระดับน้ำก็ลดลงตามปกติ โดยที่ชายหาดมิได้เกิดความเสียหายอะไรเพราะเป็นเพียงปลายของคลื่นที่หมดพลังแล้วเท่านั้นที่รุกเข้ามาด้านในฝั่ง #ภาพทั้งหมดในโพสนี้ ถ่ายเมื่อ ม.ค.2566

see more…

สถานการณ์ชายฝั่งทะเล

พาสำรวจตะกอนทรายชายหาดปัตตานี

ตะกอนบนชายฝั่งแต่ละแห่งมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันไปตามบริบทของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้นๆ แรงกระทำจากภายนอกอย่างคลื่น ลม กระแสน้ำ ตลอดจนแหล่งกำเนิดของตะกอน แม้กระทั่งบนพื้นที่เดียวกันแต่ต่างช่วงเวลากัน ตะกอนชายฝั่งก็อาจมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามปัจจัยที่ว่ามานี้ ชายหาด จ.ปัตตานี มีระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร ส่วนมากเป็นหาดทรายทั้งหมดมีโคลนปะปนบ้างบริเวณปากร่องน้ำและปากอ่าวปัตตานี Beach Lover ได้มีโอกาสลงสำรวจชายหาด จ.ปัตตานี ในหลายพื้นที่ ขอนำภาพทรายของแต่ละชายหาดมานำเสนอให้ได้ชมกันว่าแม้จะเป็นหาดทรายที่อยู่ใกล้เคียงในจังหวัดเดียวกัน ก็พบว่ามีคุณลักษณะที่แตกต่างกันทั้งขนาดและสี

หาดนราทัศน์หายไปไหน? กลับมารึยัง?

Beach Lover ได้เคยนำเสนองานวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งบริเวณหาดนราทัศน์ไปแล้ว ติดตามได้จากโพสเก่าๆ (https://beachlover.net/ชายหาดหายไปไหน-หาดนราท/) Beach Lover ได้มีโอกาสสำรวจภาคสนามบริเวณหาดนราทัศน์อีกครั้งในเดือนตุลาคม 2566 ครั้งนี้ชวนเดินสำรวจ “กำแพงกันคลื่น” ด้านหลังของ “เขื่อนกันคลื่น (Breakwater)” ตัวที่ 7 และ 8 ทางทิศเหนือของหาดนราทัศน์ ซึ่งมีรูปแบบเป็นกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียง แต่ดูเหมือนว่าหินที่นำมาก่อสร้างนั้นคัดขนาดมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ รวมถึงมาตรฐานงานก่อสร้างด้วย จึงพบความเสียหายบนสันกำแพงเกือบตลอดทั้งแนว พื้นที่ด้านหลังกำแพงนั้นมีบ้านเรือนประชาชนน้อยมาก พบร่องรอยการท่วมถึงของน้ำทะเลในอดีต และมีถนนดินเส้นเล็กๆวิ่งเลียบกับแนวกำแพงกันคลื่นไปยังปากคลอง อันที่จริงโครงสร้างเขื่อนกันคลื่นทั้ง 8 ตัวที่วางอยู่นอกชายฝั่งด้านหน้ากำแพงกันคลื่นนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยทั่วไปจะสามารถป้องกันพื้นที่ด้านหลังโครงสร้างให้ปลอดภัยได้ แต่จะเกิดผลกระทบในพื้นที่ถัดไปและพื้นที่ระหว่างช่องเปิดของโครงสร้าง (https://beachlover.net/โครงสร้างชายฝั่งทะเล-เข/) แต่ในกรณีนี้ เพราะเหตุใดชายหาดด้านหลังจึงหายไปทั้งหมดในอัตราที่น่าตกใจ คือถูกกัดเซาะหายไปถึง 140 เมตรในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา จนเป็นสาเหตุให้ต้องสร้างกำแพงกันคลื่นด้านหลังอีกชั้นหนึ่ง … ควรตั้งคำถามไปที่ใครดี?!?

ถนนเลียบชายหาด ท่าเรือหน้าทอน เกาะสมุย

เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นที่รู้จักดีสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติว่าเป็นเกาะขนาดกลางทางฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่อุดมไปด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลสีสวย ที่พักและอาหารก็มีหลากหลายให้เลือกตามความสามารถในการจ่ายเงิน การเดินทางไปยังเกาะสมุยสามารถไปได้ในสองช่องทางหลักคือ เดินทางโดยเครื่องบินตรงลงสนามบินเกาะสมุย สำหรับสายการบินตรงของประเทศไทย ณ ปัจจุบัน มีเพียง Bangkok Airways เพียงสายการบินเดียว (ในอดีตมีสายการบินไทยด้วย) และอีกช่องทางหนึ่งคือการนั่งรถมาต่อเรือ Ferry ที่ท่าเรือดอนสัก โดยมีสองบริษัทใหญ่ให้บริการอยู่คือ Seatran Ferry และ Racha Ferry ในราคาค่าโดยสารที่เท่ากัน โดยสามารถนำรถทุกขนาดขึ้นเรือได้ สำหรับท่าเรือฝั่งเกาะสมุย หากเป็นบริษัท Racha Ferry จะขึ้นที่ท่าเรือแถวลิปะน้อย ซึ่งอยู่ห่างจากสิ่งอำนวยความสะดวกของนักท่องเที่ยวพอสมควร แต่หากเป็น Seatran Ferry จะขึ้นที่ท่าเรือหน้าทอน ซึ่งอยู่ในแหล่งที่เป็นใจกลางของเกาะ คือรายล้อมไปด้วยสถานที่ราชการ ร้านอาหาร ที่พัก รถเช่า ขนส่งสาธารณะ และชายหาดที่สวย ในระยะเดินได้อย่างสะดวก บริเวณหาดหน้าทอนนี้ อดีตเป็นชายหาดยาวและกว้าง แต่หลังจากที่มีการพัฒนาเมืองและท่าเทียบเรือ มีการตัดถนนประชิดชายหาดมาก แต่เนื่องจากชายหาดแถบนี้ค่อนข้างกว้าง และมีความลาดชันต่ำมาก ยามน้ำลงนั้น ระดับน้ำห่างจากแนวถนนลงไปค่อนข้างมาก ยามน้ำขึ้นแม้ในบางฤดูกาลจะขึ้นถึงขอบถนนส่วนที่ประชิดทะเล แต่ด้วยหาดที่กว้าง […]

ท้องโหนด สวยแบบซุ่มเงียบ

เมื่อนึกถึงขนอม ใครๆอาจคิดถึงหาดขนอม ที่ตั้งของที่พักหลากหลายรสนิยมในหลากหลายราคา น้อยคนที่จะนึกถึงหาดเล็กๆอย่าง หาดท้องโหนด หาดทรายขนาดเล็กในกระเปาะ (Pocket beach) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหาดขนอม รอยต่อระหว่าง อ.ดอนสัก สุราษฎร์ธานี และ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช หาดแห่งนี้มีที่พักและร้านอาหารเพียง 2 แห่งเท่านั้น จึงมีความเงียบสงบสูง เท่าที่เดินเท้าสำรวจ ชายหาดมีความกว้างมากกว่า 40 เมตร มีความสมบูรณ์ของเนินทรายและยังไม่พบร่องรอยของการกัดเซาะชายฝั่ง หาดเล็กๆแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานประปาที่ทำหน้าที่สูบจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ ลำเลียงผ่านท่อลอดใต้ทะเลระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรไปขึ้นฝั่งแถบหาดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะสมุยอีกด้วย  เนื่องจากแหล่งน้ำบนเกาะสมุยนั้นไม่สามารถผลิตน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้เพียงพอกับความต้องการใช้ที่สูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวบนเกาะสมุย

Elastocoast กับกำแพงกันคลื่น

Elastocoast คือวัสดุที่ใช้เพื่อเททับแนวเขื่อนป้องกันการกัดเซาะตลิ่งแม่น้ำและทะเล ประกอบด้วยหินกรวดขนาดเล็กที่ถูกยึดติดกันด้วยโพรียูรีเทน 2 องค์ประกอบ (Two-component polyurethane) โดยหินกรวดนี้จะถูกน้ำยาเคลือบเหมือนมี Film บางๆของโพรียูรีเทนมาหุ้ม เมื่อน้ำยานี้แข็งตัว Film บางๆที่เคลือบหินกรวดจะเป็นตัวยึดให้หินทุกก้อนติดกันเฉพาะส่วนที่ contact กัน ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างก้อนกรวดนี้ ส่งผลให้โครงสร้างที่ถูกเททับด้วย Elastocoast มีความพรุนน้ำสูง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการการรับแรงปะทะและสลายพลังงานคลื่น Beach Lover ได้เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ Elastocoast ไปแล้ว ติดตามได้จาก https://beachlover.net/elastocoast-คืออะไร/ วันนี้ขอพาชมโครงการของกรมเจ้าท่าที่ใช้ Elastocoast เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบโครงการกำแพงป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านทุ่งใหญ่ ต.เขารูปช้าง หรือที่ชาวบ้านแถบนี้เรียกกันว่าริมทะเลบ่ออิฐ-เกาะแต้ว ที่เพิ่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อปลายเดือนกันยายน 2565 ด้วยระยะทาง 3,450 เมตร งบประมาณ 219,935,000 บาท พบว่า มีการใช้ Elastocoast กับพื้นที่ด้านในส่วนถัดจากโครงสร้างหลัก หรือ กำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงตลอดทั้งแนว โดยมีระดับอยู่ใกล้เคียงกับสันของกำแพงกันคลื่นพอดี โดยพบว่าพื้นที่ด้านในส่วนถัดจาก Elastocoast เข้ามามีการปูทับด้วยคอนกรีตบล็อคเพื่อเป็นทางเดินเท้า จากการสำรวจพบเศษหินขนาดเล็กที่หลุดล่อนออกจากการเคลือบประสานด้วยน้ำยาอยู่บ้าง โดยยังไม่พบความเสียหายในลักษณะเดียวกันกับพื้นที่อื่นๆที่ใช้ Elastocoast เหมือนกัน อาจเกิดจากการที่พื้นที่อื่นๆได้ใช้ […]

สิ้นชื่ออ่าวดงตาล?

Beach Lover เคยพาสำรวจอ่าวดงตาลในช่วงสองปีที่ผ่านมาหลายครั้ง ติดตามได้จากโพส https://beachlover.net/อ่าวดงตาล-ถูกขลิบ/และ https://beachlover.net/รื้อกำแพง-อ่าวดงตาล/ และ https://beachlover.net/ดงตาล-กับ-ชายหาดที่หายไป/ โดยในเวลานั้นพื้นที่หาดดงตาลทางทิศตะวันออกติดกับหัวเขายังคงเป็นหาดทรายธรรมชาติ และถูกเปิดเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใช้พื้นที่ได้แบบจำกัดเวลา มาวันนี้ ขอพอสำรวจอ่าวดงตาลอีกครั้ง โดยพบว่าโครงสร้างที่กล่าวถึงในโพสก่อนหน้าแล้วเสร็จไปบางส่วนแล้ว และพบว่าทางทิศตะวันตกของอ่าว มีกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงพร้อมการปรับปรุงภูมิทัศน์ด้านบนซึ่งเป็นโครงการที่เสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนั้นยังพบ งานปรับปรุงกำแพงกันคลื่นเดิมที่มีลักษณะเป็นแนวดิ่งโดยการนำหินมาถมด้านหน้าเพื่อลดแรงปะทะและสะท้อนกลับของคลื่น เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ อ่าวดงตาลระยะทางกว่า 3.5 กิโลเมตรนี้ จะถูกขลิบด้วยกำแพงกันคลื่นตลอดทั้งแนว เมื่อนั้น “อ่าวดงตาล” ชายหาดเลื่องชื่อสำหรับกีฬาทางน้ำคงเหลือเพียงตำนานหรือไม่ รอติดตามอย่างใจเย็น

“พร้อมปรับภูมิทัศน์”คำสร้อยต่อท้ายโครงการป้องกันชายฝั่ง

เรามักได้ยิน “คำสร้อย” ต่อท้ายโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอยู่บ่อยครั้งว่า “พร้อมปรับภูมิทัศน์” นั่นหมายความว่า สภาพเดิมๆก่อนปรับคงดูแย่และเป็นทัศนะอุจาดมากจนจำเป็นต้องปรับภูมิทัศน์ให้มันพอดูได้มากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงก็คือ ชายหาดเกือบทั้งหมดที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการที่มี “คำสร้อย” ต่อท้ายนี้ ล้วนมีสภาพที่สมบูรณ์ บางส่วนอาจดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็เพราะเราไม่สามารถไปจัดระเบียบให้กระบวนการชายฝั่งอยู่ในแถวและยืนขาชิดได้ ชายหาดถูกปรับไปตามการกระทำของคลื่นลมซึ่งไร้ระเบียบ มนุษย์บางจำพวกพยายามเข้าไปกักบริเวณ โดยการ “ขลิบ” ชายหาดให้แถวตรงอยู่กับที่ด้วยกำแพงกันคลื่น ด้วยเห็นว่า เหล่านี้คือการจัดระบบระเบียบ ทัศนียภาพริมชายหาดจะได้ดูเรียบร้อยสวยงามตามแบบฉบับของ “รัฐผู้รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย” ภาพชายหาดด้านบน คือภาพในอดีตของชายหาด ที่ในปัจจุบัน (2566) กำลังเกิดโครงการป้องกันชายฝั่งทะเลพร้อมคำสร้อยว่า “ปรับภูมิทัศน์” ตามรายละเอียดด้านล่าง จากสภาพไม่พบการกัดเซาะอย่างรุนแรง หรือแม้แต่ความจำเป็นที่รัฐต้อง “จัดระเบียบ” ชายหาดด้วยการพ่วงคำสร้อยว่า “ปรับภูมิทัศน์” แต่ประการใด แต่โครงการดังกล่าวนี้ก็ยังคงเกิดขึ้น โดยมีสถานการณ์ล่าสุดแสดงดังภาพต่อไปนี้ VDO Clip การเดินสำรวจติดตามได้จาก https://youtu.be/65zfvQjIWc4 ความเป็นจริงอีกข้อที่เราจะละเลยไม่ได้ก็คือ เราไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงทีที่ธรรมชาติเอาคืนบ้าง เขาคงเล่นงานพวกเราแบบสาสมใจ และเมื่อนั้นเหล่ามนุษย์ที่เล่นบทเป็นผู้กำกับธรรมชาติในตอนแรก อาจเป็นฝ่ายที่ถูกจัดระเบียบให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยเสียเอง … ก็เป็นได้

กัดเซาะชายหาดบ้านบูดี แหลมตาชี ปัตตานี

ชายหาดบ้านบูดี ตั้งอยู่บนแหลมตาชีหรือแหลมโพธิ์ จ.ปัตตานี เป็นหาดทรายยาวต่อเนื่องกับหาดตะโละกาโปร์ เป็นแหลมที่กั้นอ่าวปัตตานี (ทะเลใน) และอ่าวไทย (ทะเลนอก) เกิดจากการก่อตัวของสันทรายที่ยื่นออกไปในทะเลในลักษณะสันดอนจะงอย โดยปลายแหลมจะงอกเพิ่มขึ้นทุกปี บริเวณด้านในของแหลมฝั่งที่หันหน้าเข้าหาแผ่นดินใหญ่ ใกล้ๆกับหาดบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนมากมาย เช่น บ้านดาโต๊ะ บ้านตะโละสะมิแล ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก และมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลากะพง หอยแครง หอยแมลงภู่ เป็นต้น และบริเวณด้านนอกของแหลมฝั่งที่หันหน้าออกทะเลกว้าง มีที่พักเอกชนให้บริการหลายแห่ง (https://thai.tourismthailand.org/Attraction/แหลมตาชี-หรือ-แหลมโพธิ์) Beach Lover ได้เคยพาไปสำรวจชายหาดบริเวณแหลมตาชีมาแล้วหลายครั้ง อ่านเพิ่มเติมได้จากการ Icon search ด้านมุมขวาบนของเวบนี้ แล้วค้นหาคำว่า “แหลมตาชี” ล่าสุด Beach Lover ได้ลงพื้นที่สำรวจชายหาดแถบนี้อีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน 2566 พบว่ามีการพัฒนาพื้นที่ริมชายหาดไปเป็นรีสอร์ทมากขึ้นกว่าเดิม ยังพบอีกว่ามีรีสอร์ทหลายแห่งกำลังก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดให้บริการในเร็ววันนี้ โดยสังเกตเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินริมชายหาดจากภาพถ่ายดาวเทียมปี 2557-2565 ตามภาพด้านบน จากการเดินเท้าสำรวจพื้นที่ในกรอบสีแดงของรูปด้านบน พบร่องรอยการกัดเซาะชายฝั่ง รวมถึงความพยายามในการป้องกันชายฝั่งหลายรูปแบบ ดัง Clip VDO นี้ https://youtu.be/RNgObpA4bJg พบว่าถนนริมชายฝั่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าสร้างมาแล้วนานเท่าไหร่พังเสียหายและไม่สามารถสัญจรได้ สังเกตจากแนวถนนเดิมแล้วพบว่าถนนเส้นนี้ตัดประชิดกับชายหาดมากๆและยังไม่พ้นจากระยะอิทธิพลของคลื่นและน้ำทะเล […]

รากโกงกางเทียม (อีกรอบ) ณ หาดนางทอง

เมื่อปลายปีก่อน Beach Lover ได้เคยพาสำรวจโครงการรากโกงกางเทียมเพื่อป้องกันชายฝั่ง ณ หาดนางทอง เขาหลักไปแล้ว ติดตามได้จากโพส https://beachlover.net/ระเนระนาด-หาดนางทอง-เขาหลัก/ ครั้งนี้ขอพาชมซากที่ยังหลงเหลืออยู่ของรากโกงกางเทียมกันอีกซักรอบในช่วงต้นฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ สภาพโดยรวมแทบจะไม่เหลือรากโกงกางเทียมที่ทำจากยางให้เห็นแล้ว เกือบทั้งหมดหลุดออกจากฐาน มีบางส่วนจมอยู่ใต้ทราย นอกจากนั้นยังพบว่าตัวฐานที่เป็นเสาสำหรับยึดรากโกงกางเทียมเอนไปมาและไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ติดตั้งไว้เดิม นอกจากนั้นยังพบว่ามีรอยแตกร้าวในแนวดิ่งเหมือนกันทุกต้น คาดว่าเกิดจากแรงปะทะของคลื่น ชม VDO clip การเดินสำรวจได้ที่ https://youtu.be/9zTpKvD0q88 บริเวณโดยรอบยังพบซากของฐานและรากโกงกางเทียมกระจายเป็นหย่อมๆ คาดว่าอาจถูกคลื่นซัดหลุดออกจากตำแหน่งติดตั้ง และมีการเก็บซากมากองไว้รวมกัน นอกจากนั้นยังพบว่า พื้นที่รอบๆโครงสร้างนี้ยังคงต้องใช้โครงสร้างป้องกันชายฝั่งแบบเดิมเหมือนก่อนที่จะมีโครงการนี้เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งกันต่อไป ภาพทั้งหมดถ่ายเมื่อ 23 พ.ค.2566

หาดบางดี ยังสบายดี?

Beach Lover เคยเล่าเรื่องราวของหาดบางดี จ.นครศรีธรรมราชมาแล้วก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีกระแสการต่อต้านโครงสร้างกำแพงกันคลื่นในเวทีรับฟังความคิดเห็นเมื่อปีที่แล้ว ติดตามได้จากโพสเก่าๆ ในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือนี้ Beach Lover ได้มีโอกาสกลับไปสำรวจสภาพของชายหาดบางดีอีกครั้งหนึ่ง พบว่าชายหาดโดยรวมยังสมบูรณ์ ยังไม่มีการโค่นล้มของต้นไม้ริมทะเลจากคลื่นในช่วงมรสุม แต่พบว่าชายหาดส่วนบนตัดชันขึ้นจากคลื่นที่รุนแรงในช่วงมรสุม ซึ่งเป็นผลกระทบที่คาดการณ์ได้จากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงต้นปี ผู้ประกอบการร้านอาหารเครื่องดื่มริมทะเลเล่าให้เราฟังว่า ช่วงปลายปีก่อนจะเข้าช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากจนคลื่นซัดเข้ามาถึงถนนด้านใน ร้านริมทะเลปิดร้านไป 1-2 วันและขนของออกจากพื้นที่ แต่เหตุการณ์นี้เกิดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ระดับน้ำก็ลดลงตามปกติ โดยที่ชายหาดมิได้เกิดความเสียหายอะไรเพราะเป็นเพียงปลายของคลื่นที่หมดพลังแล้วเท่านั้นที่รุกเข้ามาด้านในฝั่ง #ภาพทั้งหมดในโพสนี้ ถ่ายเมื่อ ม.ค.2566

see more…

ข่าว

คลื่นใหญ่ซัดประจวบฯ

ที่มาข่าว: หนังสือพิมพ์ประจวบโพสต์ คลื่นใหญ่ซัดประจวบฯ ต่อเนื่อง วันที่2 ส่วนหัวหิน กำแพงโรงแรมพังน้ำเต็มฝั่ง​ (วันที่ 18 พ.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์คลื่นลมในทะเลยังคงรุนแรงต่อเนื่องตลอดแนวชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงเช้าคลื่นจะมีความรุนแรง ซัดเข้าหากชายหาดตลอดเวลา โดยเฉพาะที่ชายหาดหัวหิน-หาดเขาตะเกียบ และหาดเขาเต่า ไม่มีชายหาดเหลือให้เห็นเนื่องจากคลื่นซัดน้ำทะเลเข้ามาจนถึงแนวกำแพงกันคลื่นของโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารตลอดแนว จากเดิมจะมีชายหาดกว้างให้นักท่องเที่ยวได้ลงมาเดิน และชี่ม้าเล่นกัน แต่ตั้งแต่วานนี้ไม่สามารถทำกิจกรรมทางทะเลได้ โดยเฉพาะร้านอาหารชายหาดหัวหิน 22 ต้องเก็บข้าวของและเตียงผ้าใบขึ้นมาจนติดแนวกำแพง ทำให้ไม่สามารถจำหน่ายอาหารให้กับนักท่องเที่ยวได้ ส่วนบรรดาผู้ประการให้ม้าเช่าที่ชายหาดหัวหิน ก็บ่นว่ารายได้ 2 วันนี้ลดลงไปทันที เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวมานั่งม้าขี่ไปตามแนวชายหาด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลักษณะเช่นนี้ไปอีก 2-3 วัน มีเพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวจีนที่ลงมาที่หาดดูคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งกัน อย่างไรก็ตามจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรงต่อเนื่องส่งผลให้แนวกำแพงกันคลื่นของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ หัวหิน พังเสียหายเป็นแนวยาวบางช่วง ส่วนที่เหลือคลื่นได้กัดเซาะเข้าไปใต้ฐานจนมีเศษก้อนหินขนาดใหญ่ เล็กโผล่ขึ้นมาให้เห็น ในขณะเดียวกันพนักงานโรงแรมต้องนำเชือกขาว แดงมากั้นเป็นแนวยาวกันให้นักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนในโรงแรม เดินไปบริเวณดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้นต้นมะพร้าว เสาไฟบริเวณชายหาดได้รับความเสียหาย ต้นมะพร้าวโค่นล้ม ตลอดจนมีเศษไม้ เศษขยะ ต่างๆถูกคลื่นซัดขึ้นมาบริเวณชายหาดตลอดแนวหัวหิน-หาดเขาตะเกียบ ส่วนเรือประมงพื้นที่บ้านกว่า 100 ลำได้นำเรือเข้ามาจอดหลบคลื่นลมในบริเวณคลองเขาตะเกียบ และบริเวณสะพานปลาหัวหิน นายจำนงค์ บุตรสงค์ […]

น้ำท่วมหาดพัทยา อีกแล้ว !

ที่มา: Facebook page: PattayaWatchDog ชายหาดพัทยา เวลาฝนตกหนัก มวลน้ำไหลบ่ากัดเซาะชายหาดบางจุดกว้างเป็นเมตรๆ แต่เมืองพัทยาใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท วางท่อระบายน้ำขนาด 60 เซนติเมตร หวังรับน้ำฝน สุดท้ายน้ำกัดเซาะชายหาดเหมือนเดิม แยกมุมอร่อย งบทำบ่อสูบน้ำ 100 กว่าล้านบาทขุดถนนเป็นปีๆ เมืองพัทยารู้ว่า มวลน้ำจากซอย 5 ธันวา ไหลแรง 7 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 ตัวที่บ่อสูบน้ำสุขุมวิท ซอย 5 ธันวา รับมวลน้ำได้ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปล่อยน้ำอีก 6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไหลไปรวมที่แยกมุมอร่อยสายสาม ซึ่งมีบ่อสูบน้ำ มีเครื่องสูบน้ำ 2 ตัว รับมวลน้ำได้ 0.52 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีมวลน้ำเหลือ 5.48 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ท่วมขังบนถนน

ตรวจสอบน้ำเสียลงทะเล หาดสุรินทร์

ที่มาข่าว: https://www.facebook.com/DMCRTH กรมทะเลชายฝั่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล บริเวณชายหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต วันที่ 10 ตุลาคม 2566 สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 โดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล บริเวณชายหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตามที่เป็นข่าวในสื่อออนไลน์เพจเฟสบุ๊ค(ขยะมรสุม) เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 นั้น เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้สอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ ทราบว่าสาเหตุเกิดจากหัวสูบน้ำในระบบบ่อบำบัดน้ำเสียขององค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลได้ตกลงไปถึงก้นบ่อบำบัดจึงทำให้ดูดตะกอนของเสียที่อยู่ก้นบ่อขึ้นมา ทั้งนี้ได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล เพื่อทราบและได้เข้ามาดำเนินการแก้ไขระบบหัวสูบน้ำในบ่อบำบัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ท้องทะเลชลบุรี กำลังกลายเป็น “เขตแห่งความตาย” ?

ที่มา: https://bbc.in/3rv4fKF ท้องทะเลชลบุรี กำลังกลายเป็น “เขตแห่งความตาย” ? ชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง ที่ผู้คนเลือกเดินทางพักผ่อนช่วงวันหยุดยาว หรือสุดสัปดาห์ มาวันนี้ น้ำทะเลแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต มองผิวเผินอาจดูแปลกตา แต่เมื่อเข้าไปสำรวจใกล้ ๆ กวักน้ำขึ้นมามองให้ชัดขึ้น จะพบว่าน้ำทะเลให้ความรู้สึกเหนียวหนืด เต็มไปด้วยกลิ่นหญ้าและปลาตาย นี่คือปรากฏการณ์ “แพลงก์ตอนบลูม” หรือ “ขี้ปลาวาฬ” ที่มักเกิดทุกปี แต่ปีนี้เนิ่นน่านกว่าปกติ เพราะเกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ครอบคลุมผืนทะเลหาดบางแสน ลามไปถึงเกาะล้าน อ่านเพิ่มเติมได้จาก https://bbc.in/3rv4fKF

ลงพื้นที่ตามการร้องเรียนการกัดเซาะชายฝั่ง หาดแม่น้ำเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

วันที่ 6 กันยายน 2566 เวลา 10.30 น. นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติตตามกรณีมีการร้องเรียนปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณชายหาดแม่น้ำ หมู่ที่ 1 ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายณัฐดนัย หิมทอง อดีตกำนันตำบลหน้าเมือง เป็นผู้นำในการตรวจพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าบริเวณชายหาดหลังแนวกองหิน ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นแนวยาว พร้อมกันนี้ ได้รับฟังปัญหาจากนายกิตติพงศ์ เมฆมี ผู้แทนของผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งบริเวณดังกล่าว ในการนี้ รรท.อทช. จะเร่งนำปัญหากรณีดังกล่าว ประสานกับกรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหารือถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกับชุมชนในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ชายหาดแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้เกิดผลในระยะยาวต่อไป

ทช.ติดตามการแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่ง จังหวัดพังงา

ที่มา: https://web.facebook.com/DMCRTH ทช. ร่วมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่บ้านท่านุ่น และบริเวณร้านน้องเปรี้ยว หาดบางเนียง จังหวัดพังงา วันที่ 2 กันยายน 2566 ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วยนายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ดร. ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 พร้อมกันนี้ มีดร.จตุรงค์ คงแก้ว รองคณบดีฝ่ายบริหารและทรัพยากรบุคคล คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เข้าร่วมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่บ้านท่านุ่น ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา และบริเวณร้านน้องเปรี้ยว หาดบางเนียง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ทั้งนี้ โครงการปักไม้ไผ่ดังกล่าว เป็นความร่วมมือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตภูเก็ต และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และพบว่ามีความสำเร็จเป็นอย่างดีที่สามารถป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและเกิดการสะสมของตะกอนประมาณ 80 เซ็นติเมตร

ท่อน้ำมันดิบไทยออยล์ แตกรั่ว น้ำมันดิบไหลลงทะเล

ที่มา: https://web.facebook.com/profile.php?id=100066914075214 เมื่อวันที่ 4 กันยายน2566 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี รายงานผู้บังคับบัญชา เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 เวลาประมาณ 20.00 น. เกิดเหตุขณะไทยออยล์รับส่งสินค้า (น้ำมันดิบ) พบว่ามีท่อจ่ายแตกรั่ว ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบไหลลงทะเล (ไม่ทราบปริมาณ) ขนาดความดันขนถ่ายสินค้า 8 บาร์ บมจ.ไทยออยล์ ร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาชลบุรี ได้ดำเนินการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ โดยล้อมและฉีดพ่นสารเคมีจุดเกิดเหตุ และในช่วงเช้านำโดรนบินสำรวจพบว่ามีขนาดความกว้างของน้ำมันดิบในทะเลประมาณ 5 กม. ในการนี้ บมจ.ไทยออยล์ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ณ อาคารหอประชุมบริษัท ไทยออยล์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปแล้ว

นศ.วัย 16 ปี จมทะเลหาดแสงจันทร์ ร่างติดซอกหินของเขื่อนกันคลื่น

ที่มา: https://www.fm91bkk.com/newsarticle เมื่อเวลา 11:00 น.ของวันที่ 3 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศลระยอง และทีมค้นหาใต้น้ำ ก็คนพบร่างของ นางสาวเพชรดา นักเรียนหญิง ชั้น ปวช. ปี 1 อายุประมาณ 15-16 ปี ของวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ในจังหวัดระยอง ที่ถูกคลื่นซัดจมหายไปในทะเล ขณะลงเล่นน้ำกับเพื่อนรวม 4 คน ที่บริเวณชายหาดแสงจันทร์ ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองจังหวัดระยอง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ โดยพบร่างของผู้สูญหาย ติดอยู่กับซอกหินของเขื่อนกันคลื่น เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ยกหินออกก่อน จึงสามารถนำร่างขึ้นฝั่งได้ ท่ามกลางความเสียใจของญาติ ๆ ที่มาเฝ้ารอสังเกตการณ์ค้นหา ตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงเช้าวันนี้ โดยเมื่อช่วงเช้าญาติผู้เสียชีวิตได้ทำการจุดธูป 7 ดอกไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขอให้พบร่างของน้อง ต่อมาไม่นานเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พบว่าร่างของน้อง ติดอยู่ที่บริเวณซอกหินของเขื่อนกันคลื่น โดยพบว่าตามร่างกายมีบาดแผลฉีกขาด ตามบริเวณใบหน้า และร่างกายเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนคาดว่าจะถูกคลื่นซัดกระแทกกับโขดหินในทะเล อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขื่อนกันคลื่น (Breakwater) ได้ที่ https://beachlover.net/breakwater/

คลื่นลมแรงชายฝั่งเกาะลันตา

ที่มา: https://www.facebook.com/DDPMNews วันที่ 1 ก.ค.66 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กระบี่ รายงาน เมื่อเวลาประมาณ 03.00-15.00 น. เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรงในพื้นที่อำเภอเกาะลันตา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน ดังนี้ – ตำบลเกาะกลาง ม.4 บ้านคลองย่าหนัด ต้นไม้ล้มทับทางหลวงแผ่นดินสาย 4026 ท้องที่ ท้องถิ่น อบต.เกาะกลาง ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขแล้ว – ตำบลเกาะลันตาน้อย ม.1 บ้านหลังสอด ต้นไม้ล้มทับทาง สมาชิก อส. อบต.เกาะลันตาน้อย ดำเนินการแก้ไขแล้ว – ตำบลศาลาด่าน ม.1 บ้านศาลาด่าน ม.3 บ้านโล๊ะบาหรา ต้นไม้ล้มทับทางสาธารณะ และบ้านเรือนราษฎร 1 หลัง ทต.ศาลาด่าน ท้องที่ ตร. กฟภ.เกาะลันตา ดำเนินการแก้ไขแล้ว – […]

เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี ชายฝั่งทะเลศรีราชา

ที่มา: https://www.facebook.com/DMCRTH วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก รายงานการเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี บริเวณชายฝั่งทะเลศรีราชา จ.ชลบุรี ห่างชายฝั่ง 5 กม. อ้างอิงข้อมูลจากกลุ่มไลน์ RT Bangsaen โดยสถานีวิจัยประมงศรีราชา คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายงานข้อมูลคุณภาพน้ำตรวจวัดที่สถานี ST5 ซึ่งพบปริมาณออกซิเจนละลายน้ำต่ำที่ระดับพื้นท้องน้ำ ประกอบกับพบการสะพรั่งของไดโนแฟลกเจลเลตชนิด Noctiluca scintillans จากการสำรวจ ซึ่งแพลงก์ตอนชนิดนี้ไม่สร้างสารชีวพิษ และมักพบว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีในหลายพื้นที่ นอกจากนั้น พบปลาตายเล็กน้อยในพื้นที่เกิดปรากฏการณ์ฯ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ จะติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป

see more…