ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ส่งผลยังไงต่อชายฝั่ง

ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) เป็นช่วงของความแปรปรวนทางมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศในเขตร้อน (ENSO: El Niño-Southern Oscillation) ซึ่งมีลักษณะ “ตรงข้าม” กับเอลนิโญ (El Niño) โดยในช่วงลานีญา น้ำทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออกจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าปกติ ในขณะที่กระแสลมสินค้า (Trade winds) จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีการพัดพามวลน้ำอุ่นไปสู่ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลในแถบตะวันตกของแปซิฟิก (รวมถึงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) อาจสูงกว่าปกติ และอาจกระทบกับระบบสภาพอากาศทั่วโลก 1. การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและกระแสน้ำ 2. ผลกระทบต่อระบบชายฝั่งและทะเล ปรากฏการณ์ลานิญญ่ามีผลอย่างมากต่อสภาพอากาศ กระแสน้ำ และระดับน้ำทะเล ส่งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อระบบทะเลและชายฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดพายุหมุนเขตร้อน การกัดเซาะชายฝั่ง การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมประมง การศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องและการจัดการพื้นที่ชายฝั่งอย่างยั่งยืนจึงมีความสำคัญ เพื่อเตรียมความพร้อมและรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีลานิญญ่าได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

Beachlover

February 17, 2025

เราศึกษาผลกระทบของกำแพงกันคลื่นกันอย่างไร

การเลือกมาตรการป้องกันโดยใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมควรเลือกเฉพาะพื้นที่ที่มีความจำเป็นมากทางเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรม โดยพิจารณาทางเลือกอื่นๆประกอบการพิจารณา หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้โครงสร้างได้ ควรใช้อย่างจำกัดที่สุด และเลือกรูปแบบที่รบกวนกระบวนการธรรมชาติให้น้อยที่สุดเท่านั้น   โครงสร้างกำแพงกันคลื่นเป็นทางเลือกเพื่อการป้องกันชายฝั่งทะเลที่นิยมใช้กันมากในยุคปัจจุบัน โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบมักระบุว่าเป็นแนวทางเลือกที่ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการป้องกันชายฝั่งในหลายๆพื้นที่เห็นพ้องต้องกันมากที่สุด เช่น หาดมหาราช หาดม่วงงาม จ.สงขลา หาดชะอำ จ.เพชรบุรี ปากน้ำปราณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ส่วนหนึ่งของคำอธิบายโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อประกอบการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนมีดังนี้ (1) ก่อสร้างได้ง่าย และรวดเร็วกว่าโครงสร้างประเภทอื่นๆ (2) เป็นโครงสร้างทางทะเลที่ไม่ต้องจัดทำรายการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ณ เวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงก่อนปี 2566 ที่การก่อสร้างกำแพงกันคลื่นไม่ต้องจัดทำ EIA) ยิ่งส่งผลให้กระบวนการใช้ระยะเวลาสั้นลงกว่ารูปแบบอื่น (3) ง่ายต่อการบำรุงรักษาเพราะเป็นโครงสร้างประชิดชายฝั่ง  (4) พื้นที่บนสันกำแพงและด้านหน้าสามารถใช้เป็นพื้นที่สาธารณะและปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ (5) พื้นที่ด้านหลังกำแพงปลอดภัยจากการการกัดเซาะชายฝั่ง ข้อเท็จจริงตามทฤษฎีคือ โครงสร้างกำแพงกันคลื่นมีลักษณะเป็นกําแพงวางตัวตามแนวประชิดและขนานชายฝั่ง เพื่อรับแรงปะทะจากคลื่น ทำหน้าที่ตรึงแนวชายฝั่งให้อยู่กับที่ ช่วยรักษาเสถียรภาพของพื้นที่บริเวณริมชายฝั่งด้านหลังกำแพงกันคลื่นไม่ให้ถูกกัดเซาะ แต่ไม่ช่วยป้องกันพื้นที่ชายหาดบริเวณด้านหน้ากำแพงกันคลื่น และบริเวณข้างเคียง บริเวณชายฝั่งที่มีปัญหาการกัดเซาะพบว่าชายหาดด้านหน้ากำแพงกันคลื่นจะมีขนาดแคบลง และมักจะหายไปในที่สุดถ้าตะกอนบริเวณชายฝั่งมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยจะออกแบบไปเป็นรูปแบบใดก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเชิงพื้นที่ทั้งในแง่ของลักษณะทางกายภาพ กระบวนการทางชายฝั่ง การยอมรับของประชาชน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และงบประมาณ  กำแพงกันคลื่นทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างน้ำและตะกอนทรายรวมไปถึงคลื่นและกระแสน้ำ ไม่เหมือนเดิมกับชายหาดธรรมชาติในส่วนที่ไม่มีโครงสร้างกำแพงกันคลื่น ดังนั้นพื้นที่ชายฝั่งและบริเวณข้างเคียงกำแพงกันคลื่นจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างไปจากกรณีที่ไม่มีโครงสร้างกำแพงกันคลื่น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตามอ่านเพิ่มเติมได้จากโพส กำแพงกันคลื่น…ไปต่อหรือพอแค่นี้ หากเราจะศึกษาผลกระทบของกำแพงกันคลื่นที่สร้างไปแล้ว เราต้องทำยังไง? […]

Beachlover

February 14, 2025

สองเดือนผ่านไป หาดยังสบายดีไหม?…พาสำรวจชายหาดผ่าน CCTV

Beach Lover ร่วมกับ Beach for Life และพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จ.เพชรบุรี ร่วมกันทำให้เกิดโครงการนี้ขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม และได้เคยพาสำรวจสภาพชายหาดด้วยกล้อง CCTV มาแล้วในโพส https://beachlover.net/beach-view-mtw-palace-dec2024/ โดยผู้อ่านสามารถติดตามโครงการเล็กๆนี้ได้จาก https://www.beachwatchthailand.net จวบจนถึงปัจจุบันนี้ CCTV ที่ติดตั้งไปมีอายุครบ 2 เดือนเต็มแล้ว มีติดๆดับๆบ้าง ตามความบกพร่องของกระแสไฟฟ้าและระบบโครงข่าย Internet ซึ่งทางพระราชนิเวศน์ได้แจ้งพวกเรามาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่กระแสไฟและระบบ Internet สมบูรณ์ เราได้ภาพถ่ายจำนวนมาก นำมา Train ระบบที่กำลังทำควบคู่กันไปกับ CCTV ภาพด้านล่างคือการเปลี่ยนแปลงชายหาดในระยะเวลาสองเดือน พบว่าหญ้าที่เคยขึ้นเขียวสลับน้ำตาลบนเนินทรายด้านซ้ายมือเมื่อสองเดือนก่อนนั้นหายไปจำนวนมาก เหลือเพียงพื้นหาดทราย แต่ยังปรากฏร่องรอยของเนินทรายที่ชัดเจนในภาพด้านขวามือ เมื่อสังเกตด้วยตาเพียงอย่างเดียวจะพบว่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานั้น สันของเนินทรายด้านบนไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงการหายไปของพืชปกคลุมเนินทรายเท่านั้น

Beachlover

February 12, 2025

Empirical Orthogonal Function (EOF) เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง

การวิเคราะห์ EOF เป็นวิธีที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายและมีประสิทธิภาพสำหรับการศึกษาการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการระบุรูปแบบหลักของความแปรปรวนในข้อมูลแนวชายฝั่ง และทำความเข้าใจกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดย EOF ถูกนำไปใช้ในด้านต่างๆ เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่งดังนี้ ข้อดีของ EOF ในการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง ถึงแม้ว่า EOF จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง แต่ในบางกรณี เช่น การศึกษาทรายสันดอนที่เคลื่อนที่ (migrating sandbars) อาจต้องใช้วิธีการที่ปรับปรุงเพิ่มเติม เช่น Extended EOF หรือ Complex Principal Component Analysis เพื่อความเหมาะสมยิ่งขึ้น

Beachlover

February 12, 2025

ตรวจสอบข้อเท็จจริงการขุดลอกร่องน้ำอ่าวคุ้งกระเบน

ที่มา: https://www.facebook.com/DMCRTH กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี การขุดลอกร่องน้ำ บริเวณอ่าวคุ้งกระเบน ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นำโดย ว่าที่ ร.ต.วิษณุพงศ์ วิเชียรรัตนกุล ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และเจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดจันทบุรี เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรื่อง การขุดลอกร่องน้ำ บริเวณอ่าวคุ้งกระเบน ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 5 กรมเจ้าท่า และผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาจันทบุรี ร่วมลงพื้นที่ด้วย จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 5 กรมเจ้าท่า เป็นผู้ดำเนินโครงการฯ โดยมีแผนปฏิบัติงานขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำ ภายในประเทศ (ดำเนินการเอง) ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2568 – 27 ก.พ.2568 ระยะเวลาขุดลอก ประมาณ 30 วัน ซึ่งพื้นที่ดำเนินการขุดลอง และพื้นที่กองวัสดุขุดลอกห่างจากพื้นที่หญ้าทะเลประมาณ 180 […]

Beachlover

February 11, 2025

การประเมินความเสถียรของปากร่องน้ำชายฝั่งทะเล ด้วย RAPSTA

การประเมินความเสถียรของปากร่องน้ำชายฝั่งทะเลที่มีการเคลื่อนตัวของตะกอนตามแนวชายฝั่ง (littoral drift shore) จำเป็นต้องอาศัยความรู้ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับไฮดรอลิกของน้ำขึ้นน้ำลง กลศาสตร์ของคลื่น และการเคลื่อนที่ของตะกอน  ปากร่องน้ำที่มีความ “เสถียร” อย่างแท้จริงบนชายฝั่งที่มีการเคลื่อนตัวของตะกอนไม่มีอยู่จริง ปากน้ำเหล่านี้มักจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบ รูปตัดขวาง และรูปทรงเรขาคณิตของมันไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลของสภาพคลื่นและความแตกต่างของช่วงน้ำขึ้นน้ำลง สำหรับปากร่องน้ำชายฝั่งที่มีการเคลื่อนตัวของตะกอน แรงสมดุลหลักๆ จะมาจากการเคลื่อนที่ของตะกอนตามแนวชายฝั่ง (littoral drift) ซึ่งถูกพัดพาไปยังปากน้ำด้วยกระแสน้ำขึ้น (flood currents) ที่นำตะกอนมาสะสมบริเวณแนวสันทรายด้านในและด้านนอก (inner and outer bars) แนวตื้นเขิน (shoals) และพื้นที่ราบ (flats) ที่พยายามปิดปากน้ำ ในขณะที่กระแสน้ำลง (ebb tidal) และกระแสน้ำอื่น ๆ จะพยายามพัดพาตะกอนเหล่านี้ออกไปเพื่อรักษาพื้นที่ตัดขวางของปากร่องน้ำ หากปากร่องน้ำไม่สามารถรักษาช่องเปิดให้มีความเสถียรได้ จะต้องมีการเสริมด้วยวิธีการที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาวิธีการปรับปรุงต่าง ๆ เช่น การควบคุมการตกตะกอนในปากน้ำ ซึ่งอาจทำได้โดยการเบี่ยงเบนการไหล การขุดลอก การสร้างหลุมดักตะกอน (traps) หรือด้วยวิธีการโครงสร้าง เช่น การสร้างรอบังคับกระแสน้ำ (training walls) เขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำ (jetties) เป็นต้น แบบจำลอง RAPSTA หรือชื่อเต็มคือ RAPid […]

Beachlover

February 10, 2025

สำรวจปลายสุดกำแพงหาดชะอำใต้

Beach Lover พาชมหาดชะอำ จ.เพชรบุรี มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนสร้างกำแพงกันคลื่น ระหว่างงานก่อสร้าง จน กำแพงกันคลื่นแบบขั้นบันไดแล้วเสร็จ มาเมื่อหลายปีก่อน สามารถหาอ่านได้จากโพสเก่าๆ วันนี้ขอพาเดินสำรวจสภาพชายหาดทางทิศใต้ของกำแพงกันคลื่นแบบขั้นบันได ซึ่งเป็นปลายสุดของระยะสุดท้ายของโครงการกันบ้าง โดยอันที่จริงแล้วพื้นที่บริเวณโครงสร้างกำแพงกันคลื่นแบบขั้นบันไดระยะสุดท้ายที่ดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองนั้น ในอดีตมีกำแพงกันคลื่นแบบตั้งตรงเกือบตลอดทั้งแนวแล้ว น่าตั้งคำถามว่าเหตุผลใดจึงต้องสร้างโครงสร้างป้องกันชายฝั่งทับลงบนพื้นที่ที่มีโครงสร้างเดิมอยู่แล้ว และไม่มีร่องรอยความเสียหายอย่างรุนแรงจนต้องซ่อมแซมด้วย พื้นที่ทางทิศใต้ของกำแพงกันคลื่นหาดชะอำใต้นั้น เป็นชายหาดทรายค่อนข้างตรงยาวประชิดด้วยพื้นที่เอกชน ไม่มีพื้นที่หรือถนนสาธารณะเหมือนดังเช่นหาดชะอำเหนือและใต้ ผู้ใช้ประโยชน์ชายหาดคือนักท่องเที่ยวต้องตั้งใจเดินเท้ามาเท่านั้นหรือไม่ก็พักอยู่บริเวณรีสอร์ทแถบนี้ พบร่องรอยการกัดเซาะเล็กน้อยโดยพบหินทิ้งวางระเกะระกะตามแนวชายฝั่งประมาณ 60 เมตร และถุงปูนซีเมนต์ที่ถูกทำให้แข็งและวางอยู่ประชิดหาดความยาวตลอดแนวประมาณ 60 เมตร ถัดจากนั้นลงมาทางใต้เป็นพื้นที่รกร้างยังไม่มีการใช้ประโยชน์และพบกำแพงกันดินขนาดเล็ก โดยไม่พบร่องรอยของการกัดเซาะใดๆ แม้โดยภาพรวมพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นทิศเหนือน้ำ (Up-drift) ซึ่งเป็นด้านที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงกันคลื่นค่อนข้างน้อย แต่พบร่องรอยความพยายามป้องกันเขตที่ดินของเอกชนอยู่บ้าง คาดว่าอาจถูกกัดเซาะในบางฤดูกาล มีระยะทางประมาณ 120 เมตร

Beachlover

February 7, 2025

ต้นทุนของพลังงานมหาสมุทร

แม้ว่าพลังงานมหาสมุทรจะมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่ความคุ้มค่าด้านต้นทุนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดการยอมรับในวงกว้าง โดยมีการวิเคราะห์ต้นทุนการติดตั้ง การบำรุงรักษา และการดำเนินงาน ดังนี้ การเปรียบเทียบกับแหล่งพลังงานอื่น (หน่วยค่าเงินเป็น US Dollar) แหล่งพลังงาน ต้นทุนการติดตั้ง (ต่อ MW) ต้นทุนการบำรุงรักษา (ต่อปีต่อ MW) ต้นทุนการดำเนินงาน (ต่อ MWh) พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง $1.5-$2.5 ล้าน $500,000-$750,000 3-4 เซนต์ พลังงานคลื่น $1.8-$3.0 ล้าน $600,000-$900,000 4-6 เซนต์ พลังงานลม $1.2-$2.5 ล้าน $300,000-$500,000 2-4 เซนต์ พลังงานแสงอาทิตย์ $1.0-$2.0 ล้าน $200,000-$400,000 1-3 เซนต์ ถ่านหิน $0.5-$1.5 ล้าน $10,000-$20,000 6-12 เซนต์ พลังงานนิวเคลียร์ $2.0-$4.0 ล้าน $50,000-$100,000 8-16 เซนต์ จากตาราง พลังงานมหาสมุทรมีความคุ้มค่ากว่าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ โดยต้นทุนรวมเทียบได้กับหรือสูงกว่าพลังงานนิวเคลียร์ในบางกรณี กรอบนโยบายและกฎระเบียบ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานมหาสมุทร […]

Beachlover

February 7, 2025

ติดตามมวลทรายและสังคมพืชป่าชายหาด แนวรั้วไม้ดักทราย หาดปากเมง

ที่มา: https://www.facebook.com/mnperc3 วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 (ตรัง) สำรวจติดตามเก็บข้อมูลการสะสมตัวของมวลทรายและติดตามการเจริญเติบโตของสังคมพืชป่าชายหาด บริเวณแนวรั้วไม้ดักทรายหาดปากเมง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ แนวรั้วไม้ดักทราย 2 รูปแบบ ได้แก่ แนวตรง และแนวซิกแซก เบื้องต้นพบว่า มีการสะสมตัวของมวลทรายเฉลี่ย 5.3 และ 28 เซนติเมตร ตามลำดับ และปัจจุบันพบพันธุ์ไม้ทั้งหมด 14 ชนิด จำนวน 52 ต้น มีพันธุ์ไม้เด่นที่พบคือ ต้นปอทะเล (Hibiscus tiliaceus L.) จำนวน 14 ต้น รองลงมาคือต้นเตยทะเล (Pandanus odoratissimus L.f.) จำนวน 12 ต้น และต้นหูกวาง (Terminalia catappa L.) จำนวน 9 ต้น […]

Beachlover

February 6, 2025

เราใช้ทรายจากแม่น้ำมาเติมชายหาดได้ไหม

การใช้ทรายแม่น้ำสำหรับการเติมทรายชายหาดอาจดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในบางกรณี แต่ก็มีทั้ง ข้อดี และ ข้อเสีย ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนี้ ข้อดีของการใช้ทรายแม่น้ำ ข้อเสียของการใช้ทรายแม่น้ำ กล่าวโดยสรุปได้ว่า (1) การใช้ทรายแม่น้ำอาจเหมาะสมในกรณีที่ พื้นที่นั้นมีรทรายแม่น้ำในปริมาณมากและอยู่ใกล้กับชายหาด (2) การเติมทรายเป็นโครงการชั่วคราวหรือเร่งด่วน เช่น การฟื้นฟูชายหาดหลังพายุ (3) ควรมีการผสมทรายแม่น้ำกับทรายทะเลเดิมเพื่อปรับสมดุลขนาดเม็ดทราย อย่างไรก็ตาม หากชายหาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีความจำเป็นต้องคงลักษณะชายฝั่งธรรมชาติ การใช้ทรายทะเลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว

Beachlover

February 5, 2025
1 2 102