ต้นทุนของพลังงานมหาสมุทร

แม้ว่าพลังงานมหาสมุทรจะมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่ความคุ้มค่าด้านต้นทุนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดการยอมรับในวงกว้าง โดยมีการวิเคราะห์ต้นทุนการติดตั้ง การบำรุงรักษา และการดำเนินงาน ดังนี้ การเปรียบเทียบกับแหล่งพลังงานอื่น (หน่วยค่าเงินเป็น US Dollar) แหล่งพลังงาน ต้นทุนการติดตั้ง (ต่อ MW) ต้นทุนการบำรุงรักษา (ต่อปีต่อ MW) ต้นทุนการดำเนินงาน (ต่อ MWh) พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง $1.5-$2.5 ล้าน $500,000-$750,000 3-4 เซนต์ พลังงานคลื่น $1.8-$3.0 ล้าน $600,000-$900,000 4-6 เซนต์ พลังงานลม $1.2-$2.5 ล้าน $300,000-$500,000 2-4 เซนต์ พลังงานแสงอาทิตย์ $1.0-$2.0 ล้าน $200,000-$400,000 1-3 เซนต์ ถ่านหิน $0.5-$1.5 ล้าน $10,000-$20,000 6-12 เซนต์ พลังงานนิวเคลียร์ $2.0-$4.0 ล้าน $50,000-$100,000 8-16 เซนต์ จากตาราง พลังงานมหาสมุทรมีความคุ้มค่ากว่าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ โดยต้นทุนรวมเทียบได้กับหรือสูงกว่าพลังงานนิวเคลียร์ในบางกรณี กรอบนโยบายและกฎระเบียบ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานมหาสมุทร […]

Beachlover

February 7, 2025

เราใช้ทรายจากแม่น้ำมาเติมชายหาดได้ไหม

การใช้ทรายแม่น้ำสำหรับการเติมทรายชายหาดอาจดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในบางกรณี แต่ก็มีทั้ง ข้อดี และ ข้อเสีย ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนี้ ข้อดีของการใช้ทรายแม่น้ำ ข้อเสียของการใช้ทรายแม่น้ำ กล่าวโดยสรุปได้ว่า (1) การใช้ทรายแม่น้ำอาจเหมาะสมในกรณีที่ พื้นที่นั้นมีรทรายแม่น้ำในปริมาณมากและอยู่ใกล้กับชายหาด (2) การเติมทรายเป็นโครงการชั่วคราวหรือเร่งด่วน เช่น การฟื้นฟูชายหาดหลังพายุ (3) ควรมีการผสมทรายแม่น้ำกับทรายทะเลเดิมเพื่อปรับสมดุลขนาดเม็ดทราย อย่างไรก็ตาม หากชายหาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีความจำเป็นต้องคงลักษณะชายฝั่งธรรมชาติ การใช้ทรายทะเลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว

Beachlover

February 5, 2025

พลังงานมหาสมุทรคืออะไร (Ocean energy)

มหาสมุทรเป็นแหล่งทรัพยากรที่กว้างใหญ่และเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการพลังงานของมนุษยชาติในอนาคต พลังงานมหาสมุทรคือการนำพลังงานหมุนเวียนจากคลื่น น้ำขึ้นน้ำลง และความต่างอุณหภูมิในมหาสมุทรมาใช้ บทนี้จะอธิบายแหล่งกำเนิดพลังงานมหาสมุทร วิธีการนำพลังงานนี้มาใช้ และเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาเพื่อต่อยอดศักยภาพอันมหาศาลนี้ แหล่งพลังงานมหาสมุทรหลัก ๆ มีอยู่ 3 ประเภท 1. พลังงานคลื่น (Wave Energy) คลื่นเกิดจากแรงเสียดทานของลมบนผิวน้ำ เมื่อคลื่นเคลื่อนเข้าหาฝั่ง พลังงานจลน์ของคลื่นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานศักย์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ผ่านอุปกรณ์เฉพาะ 2. พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง (Tidal Energy)  น้ำขึ้นน้ำลงเกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่กระทำต่อมหาสมุทร การขึ้นลงของน้ำสามารถนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าผ่านเขื่อนน้ำขึ้นน้ำลงหรือเครื่องกำเนิดพลังงานกระแสน้ำ 3. พลังงานความต่างอุณหภูมิ (Thermal Gradient Energy)  ความต่างอุณหภูมิในมหาสมุทรเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิและความเค็มของน้ำ ความต่างเหล่านี้สามารถนำไปใช้ผลิตความร้อนและแปลงเป็นไฟฟ้าได้ การนำพลังงานมหาสมุทรมาใช้ต้องแปลงพลังงานจลน์จากคลื่น น้ำขึ้นน้ำลง หรือความต่างอุณหภูมิให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถใช้ได้ มีเทคโนโลยีหลายประเภทที่กำลังพัฒนาเพื่อตอบโจทย์นี้ ได้แก่ 1. เครื่องแปลงพลังงานคลื่น (Wave Energy Converters) อุปกรณ์เหล่านี้ใช้กังหันหรือกลไกอื่น ๆ ในการจับพลังงานจลน์ของคลื่นแล้วแปลงเป็นไฟฟ้า 2. เขื่อนน้ำขึ้นน้ำลง (Tidal Barrages)  เขื่อนขนาดใหญ่ที่สร้างในปากอ่าวหรือปากแม่น้ำเพื่อกักเก็บน้ำและผลิตไฟฟ้าจากการเคลื่อนที่ของน้ำผ่านกังหัน 3. เครื่องกำเนิดกระแสน้ำ (Tidal Stream Generators) อุปกรณ์เหล่านี้ติดตั้งใต้น้ำและใช้กังหันในการจับพลังงานจลน์ของกระแสน้ำ มักติดตั้งบนฐานรากใต้น้ำหรือใช้สายโยงกับพื้นทะเล 4. เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchangers) ใช้ถ่ายเทความร้อนจากความต่างอุณหภูมิในมหาสมุทรไปยังของไหลชนิดที่สอง […]

Beachlover

February 3, 2025

กำแพงแนวดิ่ง หรือ กำแพงหินเรียง ?

Beach Lover เน้นย้ำไว้ในหลายโพสเสมอว่า การใช้มาตรการ“กำแพงกันคลื่น” เพื่อป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง ควรเป็นทางเลือกท้ายๆ และควรใช้ยามจำเป็นเท่านั้น แต่หากจำเป็นต้องเลือกใช้ “กำแพงกันคลื่น” เพื่อลดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งนั้น มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมกัน ทั้งในเชิงเทคนิค เศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และการบำรุงรักษาในระยะยาว ในโพสนี้ Beach Lover ชวนเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยของกำแพงกันคลื่นสองรูปแบบคือ คอนกรีตเสริมเหล็กแบบตั้งตรง ที่มักพบเห็นในหลายพื้นที่โดยเฉพาะงานก่อสร้างในอดีตที่องค์ความรู้ด้านวิศวกรรมชายฝั่งทะเลยังไม่กว้างขวาง และอีกแบบคือแบบหินทิ้ง ที่กรมเจ้าท่าและกรมโยธาธิการและผังเมืองนิยมใช้กันในปัจจุบัน สรุปข้อมูลเปรียบเทียบเบื้องต้นได้ดังนี้ กำแพงกันคลื่นคอนกรีตเสริมเหล็กแบบตั้งตรง: เป็นกำแพงแนวดิ่ง (Vertical) หรือกำแพงโค้ง (Curved/Fender Wall) ที่ออกแบบมาให้รับแรงกระแทกของคลื่นโดยตรง และสะท้อนกลับไปสู่ทะเล ภายในโครงสร้างมักเสริมเหล็กและคอนกรีตให้ได้ความแข็งแรงเพียงพอต่อแรงกระแทก (อ่านเพิ่มเติมได้จาก http://beachlover.net/concrete-seawall-1/) กำแพงกันคลื่นหินเรียง: ตัวโครงสร้างหลักมักทำจากหินธรรมชาติหลายขนาด วางซ้อนกันเป็นชั้นเพื่อลดพลังงานของคลื่น หินเกราะด้านนอกต้องเป็นหินขนาดใหญ่ที่สุด รองลงมาเป็นหินชั้นในที่มีขนาดย่อมลงมา โครงสร้างมักมีชั้นกรอง (Filter Layer หรือ Geotextile) เพื่อป้องกันการพังทลายของดินหรือทรายใต้โครงสร้าง (อ่านเพิ่มเติมได้จาก http://beachlover.net/rubble-mound-seawall/) แล้วแบบไหน ป้องกันพื้นที่ด้านในได้ดีกว่ากัน สามารถเปรียบเทียบได้ใน 3 ประเด็นหลักได้แก่ 1.ความสามารถในการต้านทานและลดพลังงานคลื่น โครงสร้างแบบหินเรียง […]

Beachlover

January 31, 2025

กำแพงกันคลื่นควรสูงเท่าไหร่?

ในการออกแบบกำแพงกันคลื่นป้องกันชายฝั่งให้ได้ความสูง (Crest Height) ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ด้านใน สิ่งสำคัญคือจะต้องพิจารณาความสูงของคลื่นที่อาจซัดข้ามโครงสร้าง (Overtopping) เป็นหลัก ซึ่งค่าความสูงของสันโครงสร้าง โดยทั่วไปมักจะกำหนดจากปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่ โดยทั่วไปแนวทางปฏิบัติจะเริ่มจากการคำนวณ Wave Run-up บนหน้าตัดโครงสร้างที่กำหนด จากนั้นเผื่อ Freeboard เพื่อให้ปริมาณน้ำที่ข้ามโครงสร้างสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จึงได้ความสูงที่เหมาะสมในการป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ด้านในอย่างมีประสิทธิภาพ

Beachlover

January 29, 2025

Coastal Flooding (น้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทะเล)

Coastal flooding หมายถึงปรากฏการณ์ที่ระดับน้ำทะเลหรือน้ำในบริเวณชายฝั่งสูงกว่าระดับปกติ จนทำให้เกิดการท่วมพื้นที่ชายฝั่งหรือพื้นที่ต่ำใกล้ชายฝั่ง Beach Lover ได้เคยนำเสนอเรื่องราวที่เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ Coastal flooding มาแล้ว เช่น น้ำท่วมชายฝั่งปานาเระ ปัตตานี นอกจากนี้ยังได้เล่ามุมมองทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง เช่น STOC MODEL สำหรับงานศึกษา Storm surge และ ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลยังไง อ่านเพิ่มเติมได้จาก Search icon โดยระบุคำว่า “Coastal flooding” และ “น้ำท่วมชายฝั่ง” Coastal flooding อาจเกิดจาก วิธีการประเมิน Coastal flooding โดยทั่วไป การประเมินหรือวิเคราะห์โอกาสและผลกระทบของการเกิดน้ำท่วมชายฝั่งจะมีขั้นตอนหรือหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้ 1. รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน (Data Collection) 2. การสร้างแบบจำลอง (Modeling) เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมชายฝั่ง มักจะใช้แบบจำลองเชิงตัวเลขหลายแบบผสมผสานกัน ขึ้นอยู่กับขนาดและความละเอียดที่ต้องการ ได้แก่ 3. การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk […]

Beachlover

January 27, 2025

การใช้ Geotextile กับกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงหรือหินทิ้ง

Geotextile คือวัสดุสังเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายผ้าซึ่งผลิตจากพอลิเมอร์สังเคราะห์ เช่น โพลีโพรพิลีน (Polypropylene) หรือโพลีเอสเตอร์ (Polyester) Geotextile มีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความซึมผ่านได้ (permeable) มีความแข็งแรงทนทานสูง น้ำหนักเบา และทนต่อการย่อยสลายทางชีวภาพ จึงสามารถนำมาใช้ร่วมกับโครงสร้างทางวิศวกรรมอื่นๆอย่างแพร่หลาย การใช้ Geotextile ร่วมกับกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงหรือหินทิ้ง มีวัตถุประสงค์เพื่อ คุณสมบัติของ Geotextile ที่ควรใช้ในกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียงหรือหินทิ้ง ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม การใช้ Geotextile ร่วมกับหินทิ้งหรือหินเรียงจะช่วยสร้างโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่มั่นคงและทนทานมากขึ้น โดย Geotextile จะทำหน้าที่เป็นชั้นกรองและป้องกันการกัดเซาะ ในขณะที่หินจะช่วยป้องกันแรงกระทำจากคลื่นและกระแสน้ำ การผสมผสานวัสดุทั้งสองนี้จะช่วยลดพลังงานคลื่นและผลกระทบจากพายุ ทำให้โครงสร้างมีความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กรมเจ้าท่า มักจะกำหนดมาตรฐานของหน่วยงานเพื่อให้ผู้รับเหมาได้เลือกใช้อย่างเหมาะสมกับความต้องการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

Beachlover

January 24, 2025

ทำความรู้กำแพงกันคลื่นแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก

กำแพงกันคลื่นเป็นโครงสร้างที่วางประชิดและขนานกับชายฝั่ง เพื่อรับแรงปะทะจากคลื่นทำให้พื้นที่ด้านหลังกำแพงกันคลื่นไม่ถูกกัดเซาะ การใช้มาตรการกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง ควรเป็นทางเลือกท้ายๆ และควรใช้ยามจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเลือกกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันชายฝั่ง ก็ยังมีหลายรูปแบบของกำแพงให้พิจารณาตามความเหมาะสมของพื้นที่ งบประมาณ และอื่นๆ Beach Lover ขอพาทำความรู้จักกับกำแพงกันคลื่นแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยทั่วไปพบเห็นได้ 4 แบบหลักๆคือ ตั้งตรง ลาดเอียง ขั้นบันได และแบบโค้ง ที่ออกแบบมาให้รับแรงกระแทกของคลื่นโดยตรง และสะท้อนกลับออกสู่ทะเล ภายในโครงสร้างมักเสริมเหล็กและคอนกรีตให้ได้ความแข็งแรงเพียงพอต่อแรงกระแทก ข้อดี ประหยัดพื้นที่โดยเฉพาะกำแพงแบบแนวดิ่งซึ่งใช้พื้นที่ด้านหน้าโครงสร้างน้อยกว่าแบบหินเรียงและแบบกระสอบทราย ซึ่งต้องการความลาดเอียงเพื่อเสถียรภาพของโครงสร้าง หรือแม้แต่กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กแบบลาดเอียง ก็สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ที่จำกัดได้ง่ายกว่าแบบอื่นๆที่ต้องใช้ความลาดที่เหมาะสมเพื่อเสถียรภาพของโครงสร้าง นอกจากนี้พื้นด้านบนยังออกแบบให้รองรับกิจกรรมอื่นได้ง่ายกว่า สามารถพัฒนาเป็นทางเดิน ทางจักรยาน หรือพื้นที่สาธารณะริมทะเลได้ และเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว หากโครงสร้างแข็งแรงได้มาตรฐาน การซ่อมบำรุงอาจทำได้สะดวก (แต่หากมีการสึกกร่อนของเหล็กในระยะยาว จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง) ข้อจำกัด ส่งผลให้คลื่นสะท้อนกลับทะเลในอัตราที่สูงกว่าแบบอื่น โดยเฉพาะหากใช้โครงสร้างที่ตันและทึบน้ำ คลื่นจะถูกดูดซับพลังงานได้น้อยกว่า ทำให้เกิดการกัดเซาะบริเวณฐานของกำแพงเอง หรือท้ายโครงสร้างในระยะยาวได้มากกว่า และหากพื้นดินมีการทรุดตัว ไม่สม่ำเสมอ หรือโดนกัดเซาะใต้ฐาน (Scour) อาจทำให้โครงสร้างมีโอกาสพังได้รวดเร็ว เพราะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าแบบอื่น ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำแพงกันคลื่นได้จาก “กำแพงกันคลื่น…ไปต่อหรือพอแค่นี้” รวมถึงโพสอื่นๆจาก Beach Lover โดยใช้ไอคอน Search […]

Beachlover

January 22, 2025

ทำความรู้จัก กำแพงกันคลื่นแบบหินเรียง (Rubble mound)

กำแพงกันคลื่นเป็นโครงสร้างที่วางประชิดและขนานกับชายฝั่ง เพื่อรับแรงปะทะจากคลื่นทำให้พื้นที่ด้านหลังกำแพงกันคลื่นไม่ถูกกัดเซาะ การใช้มาตรการกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง ควรเป็นทางเลือกท้ายๆ และควรใช้ยามจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเลือกกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันชายฝั่ง ก็ยังมีหลายรูปแบบของกำแพงให้พิจารณาตามความเหมาะสมของพื้นที่ งบประมาณ และอื่นๆ Beach Lover ขอพาทำความรู้จักกับกำแพงกันคลื่นแบบหินเรียง ซึ่งสามารถพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อยกว่า และใช้งบประมาณน้อยกว่ากำแพงแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวโครงสร้างหลักมักทำจากหินธรรมชาติหลายขนาด วางซ้อนกันเป็นชั้นเพื่อลดพลังงานของคลื่น หินเกราะด้านนอกต้องเป็นหินขนาดใหญ่ที่สุด รองลงมาเป็นหินชั้นในที่มีขนาดย่อมลงมา โครงสร้างมักมีชั้นกรอง (Filter Layer หรือ Geotextile) เพื่อป้องกันการพังทลายของดินหรือทรายใต้โครงสร้าง โดยมีวิธีการคำนวณขนาดและปริมาณหินตามคู่มือทางวิศวกรรมชายฝั่งทะเลอย่างชัดเจน ข้อดี ลดการสะท้อนคลื่นได้พอสมควร เนื่องจากมีพื้นผิวที่ไม่เรียบและลาดเอียง ทำให้พลังงานคลื่นถูกดูดซับและแตกตัวได้มากกว่ากำแพงแบบคอนกรีตแนวดิ่ง และมีสามารถปรับตัวได้ยืดหยุ่น หมายความว่า ถ้าเกิดการเคลื่อนตัวของฐานราก หรือมีการกัดเซาะใต้ฐาน กองหินยังสามารถปรับตัวตามสภาพดินได้ในระดับหนึ่ง ไม่พังทีเดียวทั้งหมดเหมือนโครงสร้างแข็ง นอกจากนี้ต้นทุนวัสดุอาจถูกกว่า (ในกรณีที่ใกล้แหล่งหิน) และสามารถประยุกต์ใช้หินในพื้นที่ เพื่อลดค่าขนส่งได้ ข้อจำกัด ใช้พื้นที่มากเนื่องจากโครงสร้างแนวลาดเอียง มักต้องกินพื้นที่หน้าหาดไปพอสมควร และไม่สามารถใช้งานเดินผ่านได้สะดวก (หากต้องการพื้นที่ใช้สอยด้านบน หรือทำกิจกรรมพักผ่อน) หากออกแบบไม่ดี หรือใช้หินไม่เหมาะสม อาจดูไม่เป็นระเบียบ และไม่ได้สวยงามตามการท่องเที่ยวชายฝั่ง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำแพงกันคลื่นได้จาก “กำแพงกันคลื่น…ไปต่อหรือพอแค่นี้” รวมถึงโพสอื่นๆจาก Beach Lover โดยใช้ไอคอน Search มุมขวาบน […]

Beachlover

January 20, 2025

การใช้หินเพื่องานป้องกันชายฝั่ง

ในการก่อสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง “หิน” จัดเป็นวัสดุที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดวิธีหนึ่ง เนื่องจากหาง่าย มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อม และมักมีราคาถูกกว่าโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือตัวบล็อกคอนกรีตสำเร็จรูปอื่นๆ ที่มีรูปทรงเฉพาะ (Armour unit) อย่างไรก็ตาม การเลือกหินมาใช้งานจริงควรคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน โดยคุณสมบัติที่สำคัญของหินสำหรับงานป้องกันชายฝั่ง มีดังนี้ 1. ความถ่วงจำเพาะ (Specific Gravity): ควรมีค่าความถ่วงจำเพาะสูง (มากกว่า 2.6 ขึ้นไป) เพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนักของชั้นเกราะหิน (Armor layer) ทำให้ต้านทานการเคลื่อนตัวจากแรงปะทะของคลื่นได้ดี 2.ความแข็งแรง และค่าการขัดสี (Durability & Abrasion Resistance): หินต้องแข็งแรง ไม่เปราะแตกง่ายเมื่อได้รับแรงปะทะของคลื่นหรือแรงกดทับจากน้ำหนักของหินก้อนอื่น ๆ ควรผ่านการทดสอบ เพื่อประเมินค่าการสึกกร่อน 3.รูปร่างของหิน (Rock Shape): นิยมใช้หินที่มีผิวค่อนข้าง “เหลี่ยม” หรือ “angular” มากกว่าหินกลม (Rounded) เพราะจะยึดเกาะกันได้ดีและลดการกลิ้งไหลของหินบนลาดผิวได้ดีกว่า หินเหลี่ยมมักจะมี Interlocking ที่ดี ลดโอกาสที่คลื่นจะดึงหรือกัดเซาะออกไปได้ง่าย 4.การดูดซึมน้ำต่ำ (Low Water Absorption): […]

Beachlover

January 17, 2025
1 2 18