ความเสียหายที่เกิดจากการสร้างไม่ได้สัดส่วนกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
พบว่าฐานของโครงสร้างกำแพงกันคลื่นนี้จะจมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลตลอดเวลา (สังเกตได้จากเสาเข็มต้นที่อยู่ฝั่งทะเลและแนวถุงทรายตามรูปที่ 7 ในตอนแรก https://beachlover.net/ข้อสังเกต-มหาราช-ตอน1-4/และ ระดับน้ำตามรูปที่ 1 ในโพสนี้) เมื่อน้ำขึ้นจะมีบางส่วนของกำแพงที่อยู่ใต้น้ำเพิ่มเติม และเมื่อโครงสร้างอยู่ในแนวที่น้ำท่วมถึงคลื่นจะวิ่งเข้ามาถึง นั่นหมายถึงโครงสร้างนั้นกำลังรบกวนสมดุลของกระบวนการชายฝั่งทะเล แม้ตามแบบจะปรากฏชัดว่าจะมีการถมทรายกลับทับจนถึงบันไดขั้นที่หก (จากด้านบน) แต่เมื่อคลื่นวิ่งเข้าปะทะทรายที่ถูกถมทับไปบนกำแพงขั้นบันได คลื่นจะค่อยๆชักเอาทรายด้านบนและด้านหน้าบันไดออกไป และเมื่อทรายด้านบนที่ถมทับถูกชักออกไปทั้งหมด คลื่นจะสามารถวิ่งเข้ามาปะทะกำแพงโดยตรงและจะส่งผลให้เกิดคลื่นสะท้อนด้านหน้ากำแพง ยิ่งเหนี่ยวนำให้ทรายด้านหน้ากำแพงถูกดึงออกนอกชายฝั่ง และชายหาดด้านหน้ากำแพงหดหายไปอย่างถาวร แสดงผลกระทบของโครงสร้างกำแพงกันคลื่นดังรูปที่ 2


นอกจากนั้นกำแพงจะยิ่งส่งผลให้ชายหาดส่วนถัดไปจากสุดปลายกำแพงเกิดการกัดเซาะได้เนื่องจากการเลี้ยวเบนของคลื่นและกระแสน้ำ แสดงดังรูปที่ 3 หากใช้มาตรการสร้างกำแพงกันคลื่น จำเป็นต้องสร้างตลอดทั้งแนว มิฉะนั้นพื้นที่ใกล้เคียงที่ปราศจากโครงสร้างป้องกันจะเกิดผลกระทบดังรูปที่ 4 ซึ่งจะยิ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น
งานป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างที่ผ่านมาในประเทศไทยนั้น โดยมากเป็นการดำเนินงานเฉพาะพื้นที่ ทั้งที่จริงแล้วชายฝั่งทะเลเป็นเขตติดต่อที่ยาวต่อเนื่องกัน การดำเนินการในพื้นที่ใดย่อมส่งผลกระทบต่ออีกพื้นที่หนึ่งบริเวณใกล้เคียง พบว่าปัญหาการกัดเซาะที่เกิดขึ้นตลอดแนวชายฝั่งทะเลประเทศไทยส่วนใหญ่ต้นเหตุแห่งปัญหามาจากโครงสร้างป้องกันชายฝั่ง ซึ่งแท้จริงแล้วมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการกัดเซาะ แต่กลับกลายเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาเสียเอง (https://beachlover.net/แก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่ง/)


ประเทศที่มีดินแดนติดชายฝั่งหลายประเทศ โดยเรียนรู้จากบทเรียนเดิมที่เคยเกิดขึ้นว่า มาตรการใช้โครงสร้างป้องกันชายฝั่งนั้นมีข้อจำกัดทั้งเรื่องงบประมาณที่ต้องใช้เพื่อการก่อสร้างและบำรุงรักษาที่นับวันจะมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ (Luciana S. Esteves, 2014) รวมถึงผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กลายเป็นว่ายิ่งสร้างโครงสร้างป้องกันยิ่งจะส่งผลให้ต้องสร้างต่อไปเรื่อยๆ เพราะชายหาดที่ไม่ถูกป้องกันจะถูกกัดเซาะเป็นโดมิโน่ (Domino effect) แนวโน้มของการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในปัจจุบันจึงได้พยายามปรับเปลี่ยนวิธีการ จากการตรึงชายฝั่งให้อยู่กับที่โดยใช้โครงสร้างป้องกัน มาเป็นใช้มาตรการที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียงน้อยที่สุด
สำหรับประเทศไทยนั้น หลายหน่วยงานได้ดำเนินโครงการป้องกันชายฝั่งทะเลในหลายพื้นที่ ล้วนแล้วแต่พบความเสียหายที่เกิดขึ้นตามรูปที่ 2 ถึง 4 ทั้งสิ้น ตัวอย่างของผลกระทบจากกำแพงกันคลื่นสามารถติดตามได้จากโพสเก่าๆ (Search คำว่า “กำแพงกันคลื่น”) โดยพบว่า ณ ตำแหน่งที่สิ้นสุดโครงสร้างกำแพงกันคลื่น ชายหาดจะกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องตั้งงบประมาณป้องกันการกัดเซาะต่อไปเรื่อยๆ
แม้โครงสร้างกำแพงกันคลื่นแบบขั้นบันไดนี้ ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองในฐานะเจ้าของโครงการได้เคยระบุว่าเป็นโครงสร้างที่ถูกตามหลักวิชา ลดการสะท้อนของคลื่นได้มากกว่ากำแพงกันคลื่นในแนวดิ่งแบบที่เกิดขึ้นที่อ่าวประจวบฯ บ้านหน้าศาล และอีกหลายที่ที่เคยดำเนินการมา ในเชิงวิชาการนั้นไม่ผิดที่ว่ากำแพงลักษณะนี้จะสะท้อนคลื่นออกไปน้อยกว่ากำแพงแนวดิ่ง แต่ใช่ว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อชายหาดส่วนถัดไป หรือชายหาดด้านหน้ากำแพง เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ถ้าโครงสร้างนั้นยื่นล้ำลงไปในระดับที่น้ำท่วมถึง ไม่เอียงรับคลื่นในแนวเดียวกับชายหาดธรรมชาติ และไม่ดูดซับพลังงานคลื่นเหมือนอย่างที่ทรายบนชายหาดกระทำต่อคลื่น โครงสร้างนั้นล้วนแล้วแต่รบกวนสมดุลของชายฝั่งทั้งสิ้น
จากรูปที่ 7 ในตอนแรก (https://beachlover.net/ข้อสังเกต-มหาราช-ตอน1-4/) ซึ่งเป็นตำแหน่งสิ้นสุดกำแพงกันคลื่นเฟสที่สองพบว่าพื้นที่ทางทิศเหนือเป็นชุมชนประมงและยังคงมีพื้นที่ชายหาดด้านหน้าชุมชนที่สมบูรณ์ มีการใช้พื้นที่ชายหาดเพื่อการจอดเรือและขนถ่ายอุปกรณ์ประมง หากกำแพงกันคลื่นนี้แล้วเสร็จผลกระทบของกำแพงดังรูปที่ 3 จะถูกส่งต่อไปยังพื้นที่ชายหาดด้านหน้าชุมชนประมงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มาตรการสร้างกำแพงกันคลื่นที่กรมโยธาธิการและผังเมืองเลือกใช้เพื่อแก้ปัญหาการกัดเซาะที่หาดมหาราชนี้เกิดผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการไม่ได้สัดส่วนกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ทั้งชายหาดด้านหน้ากำแพงและพื้นที่ข้างเคียงตลอดจนงบประมาณที่รัฐจะต้องเสียในปีถัดๆไปเพื่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ถัดๆไปที่จะได้รับผลกระทบแบบโดมิโน่อีกทั้งงบประมาณที่ใช้เพื่อบำรุงรักษาโครงสร้างการเลือกมาตรการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นจึงขัดต่อหลักแห่งความได้สัดส่วนในความหมายอย่างแคบด้วย
จบ…ไม่บริบูรณ์ ติดตามความคืบหน้าของคดีหาดมหาราชได้ในโอกาสหน้า