เราหารอบปีการเกิดซ้ำของพายุกันอย่างไร

รอบปีการเกิดซ้ำของพายุ (Return Period) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงจากพายุ โดยมีความสำคัญในหลายด้าน ได้แก่: 1. การวางแผนและการออกแบบโครงสร้าง 2. การประเมินความเสี่ยง 3. การประกันภัย 4. การวางแผนการใช้ที่ดิน 5. การศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเข้าใจและใช้ข้อมูลรอบปีการเกิดซ้ำของพายุจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมและการบริหารจัดการความเสี่ยงจากพายุในระดับต่าง ๆ โดยการหารอบปีการเกิดซ้ำของพายุ (Return Period) เป็นการประเมินความถี่ในการเกิดพายุที่มีความรุนแรงระดับหนึ่งขึ้นไป โดยใช้ข้อมูลสถิติการเกิดพายุในอดีต โดยสามารถทำได้ดังนี้: 1. รวบรวมข้อมูลสถิติการเกิดพายุในอดีต 2. จัดเรียงข้อมูลพายุจากน้อยไปมาก 3. คำนวณความน่าจะเป็นในการเกิดพายุ 4. คำนวณรอบปีการเกิดซ้ำ ตัวอย่างเช่น ถ้าพายุที่มีความเร็วลม 150 กม./ชม. มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น 0.05 หรือ 5% ในแต่ละปี ก็หมายความว่ามีรอบปีการเกิดซ้้าเท่ากับ 1/0.05 = 20 ปี นั่นคือ พายุที่มีความเร็วลม 150 กม./ชม. จะเกิดขึ้นประมาณ 1 ครั้งใน 20 ปี […]

Beachlover

November 4, 2024

หาดแบบไหนที่ปูลมชอบ

ปูลม หรือ Ghost crab เป็นปูทะเลขนาดเล็กในสกุล Ocypode อยู่ในวงศ์ Ocypodidae อันเป็นวงศ์เดียวกันกับปูก้ามดาบด้วย ปูลมมักถูกจำสับสนกับปูทหาร ซึ่งอยู่ในสกุล Mictyris ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ปูลมจะมีลำตัวที่ใหญ่กว่ามาก และมีกระดองเป็นรูปสี่เหลี่ยม ปูลมจะไม่ปั้นทรายเป็นก้อนเหมือนปูทหาร แต่จะใช้ก้ามคีบอาหารจำพวกซากพืช ซากสัตว์ และอินทรีย์สารต่าง ๆ เข้าปาก ปูลม เป็นสัตว์ที่น่าสนใจ มีลักษณะเด่นคือกระดองสีขาวหรือสีทรายกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ช่วยให้พรางตัวจากศัตรูได้ดี พวกมันมีขาที่แข็งแรงและว่องไว เหมาะสำหรับการขุดรูและวิ่งบนพื้นทราย ปูลมเป็นนักวิ่งที่เร็วมาก สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 4 เมตรต่อวินาที ปูลมมีขาเดินทั้งหมด 4 คู่ ปูลมจะวิ่งหรือเดินทางด้านข้าง เวลาวิ่งด้วยความเร็วสูง ปูลมจะใช้ขาคู่ที่ 1 และคู่ที่ 4 วิ่งเท่านั้น และยิ่งตกใจมากก็จะวิ่งเร็วมากเท่านั้น ปูลมจะผสมพันธุ์โดยอาศัยอิทธิพลของดวงจันทร์ เมื่อผสมพันธุ์แล้วตัวเมียจะอยู่ในหลุมสักพักรอให้ไข่ได้รับการพัฒนา และเมื่อน้ำขึ้นสูงตัวเมียจะออกจากหลุม และเมื่อน้ำซัดเข้าหาตัวก็จะยกตัวขึ้น-ลงแรงๆเพื่อสะบัดไข่ให้ลอยออกไปในทะเล ปูลมมักเลือกอาศัยตามชายหาดที่มีลักษณะเฉพาะตัว หาดทรายละเอียดเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะปูลมใช้ก้ามขุดรู เพื่อหลบภัยและวางไข่ ทรายที่ละเอียดจะอ่อนนุ่มและง่ายต่อการขุด นอกจากนี้ หาดทรายละเอียดมักมีน้ำท่วมไม่ถึง ทำให้ปูลมสามารถสร้างรูที่ปลอดภัยและคงทนได้ ความสะอาดของชายหาดก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน […]

Beachlover

September 25, 2024

หาดทรายดำเกิดจากอะไร

หาดที่มีทรายสีดำเกิดจากการสะสมของแร่ธาตุภูเขาไฟ โดยเฉพาะแร่ธาตุที่มีสีเข้ม เช่น แร่แมกนีไทต์ (Magnetite) และแร่หินบะซอลต์ (Basalt) ที่ถูกกระแสน้ำและคลื่นทะเลพัดพามาสะสมอยู่ที่ชายหาด นอกจากนี้ การเกิดภูเขาไฟระเบิดหรือการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเลก็สามารถสร้างหาดทรายสีดำได้เช่นกัน ตัวอย่างหาดที่มีทรายสีดำที่มีชื่อเสียงคือ หาดปุนาลูในฮาวาย (Punaluu Beach) และหาดวิกในไอซ์แลนด์ (Vik Beach) ตัวอย่างที่แสดงในภาพคือหาดทรายสีดำบนเกาะ Lombok ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดจากลักษณะเดียวกันนี้ โดยมีต้นกำเนิดจากภูเขาไฟที่มีอยู่มากมายในภูมิภาคนี้ เกาะ Lombok มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ เช่น ภูเขาไฟ Rinjani ซึ่งการระเบิดของภูเขาไฟเหล่านี้นำไปสู่การสะสมของแร่ธาตุภูเขาไฟที่มีสีดำ เช่น แมกนีไทต์และบะซอลต์ในทรายชายหาด หาดทรายสีดำใน Lombok จึงเป็นผลมาจากการพังทลายของหินภูเขาไฟและการสะสมของแร่ธาตุที่ถูกกระแสน้ำและคลื่นพัดพามาที่ชายหาดนี้ ทรายสีดำโดยทั่วไปไม่มีผลเสียต่อผิวหนังของผู้ที่สัมผัส ในบางกรณี ทรายสีดำอาจมีแร่ธาตุบางชนิดที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น การช่วยขัดผิว หรือมีคุณสมบัติในการบำบัด แต่ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของทรายและแร่ธาตุในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในกรณีดังนี้: น้ำทะเลบริเวณหาดทรายสีดำมักไม่เป็นสีดำ น้ำทะเลยังคงมีสีฟ้า สีเขียว หรือสีใสตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับสภาพของน้ำทะเลและการสะท้อนของแสงจากท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลอาจดูคล้ำหรือมืดขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองจากบางมุม เนื่องจากการสะท้อนของทรายสีดำใต้ทะเล ปัจจัยที่ทำให้น้ำทะเลยังคงใสและมีสีตามธรรมชาติมีหลายประการ เช่น: ดังนั้น น้ำทะเลบริเวณหาดทรายสีดำยังคงมีสีใสหรือฟ้าตามปกติ […]

Beachlover

September 11, 2024

เรามีแผนรับมือการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากสภาวะโลกร้อนหรือไม่

ประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรับมือกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากสภาวะโลกร้อนและได้มีการวางแผนและดำเนินการในหลายๆ ด้าน โดยสรุปมีดังนี้: ข้อมูลที่นำเสนอมานั้นเป็นเพียงภาพรวมแบบสรุปเท่านั้น แผนรับมือของแต่ละหน่วยงานยังมีรายละเอียดอีกมากมาย Beach Lover จะหามานำเสนอในครั้งถัดไป

Beachlover

September 6, 2024

เราวิเคราะห์การรุกตัวของน้ำเค็มบริเวณปากแม่น้ำกันอย่างไร

Beach Lover ได้เคยนำเสนอ ปัญหาการแทรกตัวของเค็มบริเวณปากแม่น้ำ และ มาตรการลดผลกระทบไปแล้ว ตามอ่านได้จากโพสเดิม หรือ Click ที่ Link ได้เลย ครั้งนี้ขอนำเสนอการวิเคราะห์การรุกตัวของน้ำเค็มในบริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งนับว่าเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อให้เข้าใจถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลและวางแผนการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสรุปเราสามารถดำเนินการศึกษาตามลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. สำรวจและเก็บข้อมูล: การลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ โดยจะทำการวัดค่าความเค็มของน้ำในแม่น้ำ ณ จุดต่างๆ และในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เช่น ช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง เพื่อดูความผันผวนของความเค็มตามระยะทางจากทะเลและตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังวัดระดับน้ำและอัตราการไหลของน้ำ เพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างระดับน้ำในแม่น้ำและทะเล รวมถึงปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงมา ซึ่งมีผลต่อการรุกตัวของน้ำเค็ม ตัวอย่างเช่น หากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น หรือปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงมาน้อยลง ก็อาจทำให้เกิดการรุกตัวของน้ำเค็มได้มากขึ้น 2. แบบจำลองทางคณิตศาสตร์: การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ช่วยให้เราสามารถทำนายการรุกตัวของน้ำเค็มภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ได้ เช่น หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำทะเล นอกจากนี้ แบบจำลองยังช่วยให้เราเข้าใจถึงกลไกการเคลื่อนที่ของน้ำเค็มในแม่น้ำ เช่น การกระจายตัวของเกลือในแนวดิ่งและแนวราบ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการออกแบบมาตรการป้องกัน 3. เทคโนโลยี Fernerkundung: การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและระบบ GPS ช่วยให้เราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแนวป้องกันธรรมชาติที่สำคัญต่อการรุกตัวของน้ำเค็ม นอกจากนี้ GPS ยังช่วยในการระบุตำแหน่งที่แม่นยำในการเก็บตัวอย่างน้ำ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการสร้างแผนที่แสดงการกระจายตัวของความเค็มในแม่น้ำ 4. […]

Beachlover

September 2, 2024

ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลยังไง

ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวที่เกี่ยวข้องกับ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” จนส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์บริเวณชายหาดและพื้นที่ลุ่มต่ำจำนวนมาก เช่น เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงใน 4 แม่น้ำสายหลัก  ปรากฏการณ์​น้ำทะเลบางแสนหนุนสูง ระวังน้ำทะเลหนุนสูง หลายจังหวัดจมบาดาล “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” คือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ทำให้แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มีผลต่อระดับน้ำทะเลมากขึ้น ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นปีละหลายครั้ง แต่ความรุนแรงและความถี่ของปรากฏการณ์นี้กำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน ผลกระทบที่หลากหลาย ผลกระทบของ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงน้ำท่วมชายฝั่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของผู้คนในหลายด้าน ตัวอย่างเช่น การรับมือและการปรับตัว การรับมือกับ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ตัวอย่างมาตรการที่สามารถนำมาใช้ได้แก่ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” เป็นภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากผลกระทบของโลกร้อนหรือโลกรวน ดังนั้น การเตรียมความพร้อมและการปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

Beachlover

August 23, 2024

รูบนหาดทราย เกิดจากอะไร

รูบนหาดทรายนั้นเปรียบเสมือนปริศนาเล็กๆ ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ซึ่งมีที่มาที่ไปได้หลากหลายและน่าสนใจทีเดียว ดังนั้น ก่อนจะสรุปว่ารูบนหาดทรายเกิดจากอะไร เราควรพิจารณาถึงลักษณะของรู ตำแหน่งที่พบ รวมถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อไขปริศนาที่มาของรูนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและสนุกสนานไปกับการเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัวเรา

Beachlover

August 21, 2024

ความลึกน้ำ ส่งผลต่อการยกระดับของคลื่นริมชายฝั่งอย่างไร

ความลึกของน้ำมีผลอย่างมากต่อการยกระดับของคลื่นทะเลริมชายฝั่ง (wave shoaling) เมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากน้ำลึกเข้าสู่น้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง จะเกิดกระบวนการต่อไปนี้: โดยสรุป ความลึกของน้ำที่ลดลงจะทำให้คลื่นทะเลช้าลง สูงขึ้น และสั้นลงเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง กระบวนการนี้เรียกว่า “wave shoaling” และมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจและทำนายสภาพชายฝั่ง รวมถึงการกัดเซาะชายฝั่งและน้ำท่วมชายฝั่ง

Beachlover

August 15, 2024

การศึกษาด้าน อุทกพลศาสตร์ (Hydrodynamics) คืออะไร

อุทกพลศาสตร์ (Hydrodynamics) เป็นสาขาหนึ่งของฟิสิกส์ที่ศึกษาการเคลื่อนที่ของของไหลและแรงที่กระทำต่อของไหล โดยครอบคลุมทั้งด้านทฤษฎีและด้านประยุกต์ เป็นทฤษฎีที่มีประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจพฤติกรรมขนาดใหญ่ในระบบหลายส่วน นับเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจและมีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกของฟิสิกส์ โดยเป็นสาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมและการเคลื่อนที่ของของไหล ซึ่งรวมถึงของเหลวและก๊าซทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่ไหลในแม่น้ำ ลมที่พัดผ่านท้องฟ้า หรือแม้กระทั่งการไหลเวียนของเลือดในร่างกายของเรา ในการศึกษาอุทกพลศาสตร์ เราจะพิจารณาถึงแรงต่างๆ ที่กระทำต่อของไหล เช่น แรงโน้มถ่วง แรงดัน และแรงเสียดทาน ซึ่งแรงเหล่านี้มีผลต่อการเคลื่อนที่และการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของของไหล นอกจากนี้ เรายังศึกษาถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างของไหลกับวัตถุที่จมอยู่ในของไหล หรือวัตถุที่เคลื่อนที่ผ่านของไหล เช่น การไหลของน้ำรอบๆ ตัวเรือ หรือการเคลื่อนที่ของเครื่องบินในอากาศ อุทกพลศาสตร์มีสาขาย่อยที่น่าสนใจหลายแขนง เช่น ความรู้ทางอุทกพลศาสตร์มีความสำคัญอย่างยิ่งในหลากหลายสาขา เช่น

Beachlover

August 9, 2024

ทำไมเม็ดทรายบนชายหาด จึงแตกต่างกัน

เม็ดทรายบนชายหาดมีความหลากหลายอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง สีสัน หรือองค์ประกอบทางเคมี ล้วนแตกต่างกันไปตามที่มาและเรื่องราวการเดินทางอันยาวนาน เริ่มต้นจากต้นกำเนิด เม็ดทรายส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นจากการผุพังของหินแข็ง ไม่ว่าจะเป็นหินแกรนิตที่ให้ทรายเนื้อหยาบสีอ่อน หินบะซอลต์ที่ให้ทรายสีเข้ม หรือหินปูนที่ให้ทรายสีขาวละเอียด นอกจากนี้ยังมีทรายที่เกิดจากการสลายตัวของซากปะการังและเปลือกหอย ซึ่งมักพบในเขตร้อนและมีสีขาวสะอาดตา บางครั้งทรายยังอาจมีแร่ธาตุอื่นๆ ปนอยู่ เช่น ควอตซ์ที่ทำให้ทรายเป็นประกายระยิบระยับ หรือแร่เหล็กที่ทำให้ทรายมีสีแดงอมน้ำตาล เมื่อหินผุพังกลายเป็นเม็ดทราย การเดินทางของพวกมันก็เริ่มต้นขึ้น คลื่นทะเลเป็นผู้เล่นหลักในการกัดเซาะและพัดพาทรายไปตามชายฝั่ง คลื่นแรงจะพัดพาเม็ดทรายขนาดใหญ่ได้ดีกว่า ทำให้ทรายหยาบมักพบในบริเวณที่คลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ในขณะที่ทรายละเอียดจะถูกพัดพาไปไกลกว่าและสะสมตัวในบริเวณที่สงบกว่า กระแสน้ำในทะเลและแม่น้ำก็มีส่วนสำคัญในการพัดพาทรายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้ทรายจากแหล่งต่างๆ มาผสมปนเปกัน แม้กระทั่งลมก็สามารถพัดพาเม็ดทรายขนาดเล็กไปได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ธรรมชาติยังมีกลไกในการคัดแยกขนาดของเม็ดทรายอีกด้วย การขึ้นลงของน้ำทะเลทำให้เกิดการคัดขนาดตามธรรมชาติ เม็ดทรายขนาดใหญ่จะตกตะกอนก่อนเมื่อคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ในขณะที่เม็ดทรายขนาดเล็กจะถูกพัดพากลับลงทะเลไปพร้อมกับคลื่นที่ไหลกลับ ความลาดชันของชายหาดก็มีผลต่อการคัดขนาดเช่นกัน ชายหาดที่ลาดชันจะทำให้คลื่นมีพลังในการพัดพาเม็ดทรายขนาดใหญ่ได้ดีกว่าชายหาดที่ราบเรียบ นอกจากปัจจัยทางธรรมชาติแล้ว กิจกรรมของมนุษย์ก็มีส่วนทำให้เม็ดทรายบนชายหาดมีความหลากหลายมากขึ้น การสร้างเขื่อนหรือกำแพงกันคลื่นสามารถเปลี่ยนแปลงการไหลของกระแสน้ำและคลื่น ส่งผลต่อการกระจายตัวของทรายตามธรรมชาติ ในบางพื้นที่ การขุดทรายเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างหรือการถมทะเลก็ทำให้ชายหาดบางแห่งมีทรายลดน้อยลง หรือมีขนาดของเม็ดทรายเปลี่ยนแปลงไป ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ทำให้เม็ดทรายบนชายหาดแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ หากลองสังเกตและสำรวจดู จะพบว่าแต่ละเม็ดทรายต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อ

Beachlover

July 29, 2024
1 2 5