โลกร้อนกับคลื่นทะเล สัมพันธ์กันยังไง?

โลกร้อนหรือภาวะโลกร้อน (global warming) ทำให้คลื่นทะเลแรงขึ้นและสูงขึ้นด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ ดังนี้:

ที่มา: สมปรารถนา, 2564
  1. การเพิ่มความถี่และความรุนแรงของพายุ: อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนทำให้เกิดพายุไซโคลนและเฮอร์ริเคนรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากพลังงานที่พายุได้รับนั้นมาจากอุณหภูมิของน้ำทะเล โดยเฉพาะน้ำทะเลที่อุ่นจัดในเขตร้อน เมื่อพายุรุนแรงขึ้น ก็จะทำให้คลื่นมีขนาดสูงและแรงขึ้นตามไปด้วย
  2. การเพิ่มความเร็วของลม: ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเพิ่มความต่างของแรงดันอากาศในหลายพื้นที่ ความต่างของแรงดันที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นตัวเร่งให้เกิดกระแสลมที่เร็วและแรงขึ้น เมื่อความเร็วลมสูงขึ้น ลมก็จะถ่ายทอดพลังงานไปยังผิวน้ำได้มากขึ้น ทำให้คลื่นมีพลังและขนาดสูงขึ้น
  3. การขยายตัวของคลื่นในพื้นที่ที่กว้างขึ้น: น้ำทะเลที่อุ่นขึ้นทำให้บริเวณที่ลมสามารถสร้างคลื่นขยายตัวกว้างขึ้น ด้วยการพัดในพื้นที่ที่กว้างขึ้นและระยะเวลาที่นานขึ้น จึงทำให้คลื่นมีขนาดใหญ่และมีพลังงานสะสมมากขึ้น คลื่นที่เกิดจากลมแรงเหล่านี้มักส่งผลต่อการกัดเซาะชายฝั่งและเพิ่มความเสี่ยงของน้ำท่วมชายฝั่ง
  4. การเพิ่มระดับน้ำทะเล: การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกและธารน้ำแข็งจากภาวะโลกร้อน ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น คลื่นจะเข้าถึงพื้นที่ชายฝั่งได้ใกล้ขึ้นและมีผลกระทบต่อโครงสร้างของชายฝั่งมากขึ้นด้วย ทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่

ผลของคลื่นทะเลที่รุนแรงขึ้นนี้ อาจส่งผลต่อระบบนิเวศชายฝั่ง การดำรงชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้ชายฝั่ง รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ การพัฒนาริมชายฝั่งทะเลของรัฐและเอกชนที่กำลังเกิดขึ้น ควรคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะโลกร้อนนี้ด้วย