เขื่อนกันคลื่นท่าเรือ (Harbour Breakwater) เป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมชายฝั่งที่สร้างขึ้นเพื่อควบคุมคลื่นและแรงกระแทกจากคลื่นทะเลให้ลดความรุนแรงลงภายในบริเวณท่าเรือหรืออ่าว โดยทั่วไปมีหน้าที่หลักดังนี้:

- ลดแรงคลื่นภายในท่าเรือ: เขื่อนกันคลื่นจะช่วยสร้างโซนคลื่นสงบภายในท่าเรือ ทำให้เรือเข้า-ออก ขึ้น-ลงสินค้า และจอดเทียบท่าได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวนหรือน้ำขึ้นน้ำลง
- ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง: ด้วยการลดพลังงานของคลื่นที่เข้าสู่พื้นที่ท่าเรือ เขื่อนกันคลื่นจะช่วยลดการกัดเซาะของตลิ่งหรือชายฝั่งด้านในท่าเรือ
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานท่าเรือ: การมีโซนคลื่นสงบภายในท่าเรือ ทำให้กระบวนการขนถ่ายสินค้า การซ่อมบำรุง และการดำเนินการทั่วไปเป็นไปได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เสริมความปลอดภัยต่อเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทางทะเล: การลดความรุนแรงของคลื่นช่วยลดความเสี่ยงของการชนหรือความเสียหายต่อโครงสร้างท่าเรือ ทุ่นผูกจอด สะพาน และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ติดตั้งภายในอาณาเขตทางน้ำ

Beach Lover พาสำรวจเขื่อนกันคลื่นท่าเรือ ณ ชุมชนประมงบ้านเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใกล้กับวัดถ้ำเขาเต่า ปลายสุดทางทิศใต้ของหาดเขาเต่า ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 พบว่ามีเรือประมงขนาดเล็กจอดอยู่ประมาณ 20 ลำ ทั้งที่ถูกลากขึ้นมาบนชายหาด และที่จอดลอยลำอยู่ด้านหลังโครงสร้าง

เขื่อนกันคลื่นท่าเรือ มีพบเห็นได้หลายรูปแบบ แบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายได้แก่
- แบบหินทิ้ง (Rubble Mound): ภาพที่เห็นบ่อยคือแนวหินขนาดใหญ่หรือคอนกรีตบล็อกเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทางด้านนอกของท่าเรือ ด้านนอกที่รับคลื่นมักใช้หินหรือบล็อกรูปร่างพิเศษ (เช่น Tetrapod, Dolos, Accropode) เพื่อกระจายแรงกระแทกของคลื่น
- แบบคอนกรีตสำเร็จรูป (Concrete Caisson): เป็นโครงสร้างคอนกรีตทรงกล่องขนาดใหญ่ (Caisson) ที่วางอยู่บนชั้นหินรองพื้นใต้น้ำ ภาพจะเห็นเป็นแนวกำแพงคอนกรีตยาวที่ยื่นออกไปในทะเล โดยส่วนบนอาจเป็นทางเดินหรือมีราวกันตก
- แบบคันดินเสริมด้วยหิน (Rock-Fill or Earth-Fill): จะมีลักษณะเหมือนสันดินที่ถูกถมให้ยื่นออกไปในทะเล และด้านนอกจะเสริมด้วยหินทิ้งขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการกัดเซาะของคลื่น เมื่อมองรูป จะเห็นเป็นเนินสูงขึ้นมาจากระดับน้ำ ประกอบด้วยดินภายในและหินเรียงด้านนอก
สำหรับเขื่อนกันคลื่นท่าเรือที่นี่ มีรูปแบบเป็นหินทิ้ง ไม่แน่ใจปีที่ก่อสร้าง แต่จากหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมปี 2552 ที่สามารถสืบค้นได้จาก Google Earth พบว่ามีโครงสร้างนี้อยู่แล้ว


การก่อสร้างและใช้งานเขื่อนกันคลื่นท่าเรือ (Harbour Breakwater) อาจก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน โดยสามารถสรุปผลกระทบที่สำคัญได้ดังนี้:
1. ผลกระทบต่อกระบวนการชายฝั่งและการทับถมตะกอน: การก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นจะเปลี่ยนเส้นทางและรูปแบบการเคลื่อนตัวของคลื่น กระแสน้ำ และตะกอน อาจทำให้เกิดการทับถมตะกอนในบางพื้นที่มากเกินไป (Sedimentation) ซึ่งอาจต้องขุดลอก (Dredging) เพื่อรักษาร่องน้ำให้สามารถใช้เดินเรือได้ ในขณะเดียวกันอาจเกิดการกัดเซาะในบางบริเวณเนื่องจากตะกอนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปตามธรรมชาติได้
2. ผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล: การเปลี่ยนรูปแบบคลื่นและกระแสน้ำอาจส่งผลต่อที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ พืชทะเล และปะการัง อาจทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงเนื่องจากบางชนิดไม่สามารถปรับตัวหรือคงอยู่อาศัยในสภาวะกระแสน้ำใหม่ได้ การลดระดับความรุนแรงของคลื่นอาจส่งผลให้มีการสะสมอินทรียสารหรือของเสียภายในพื้นที่ท่าเรือ ซึ่งหากไม่มีการจัดการที่ดีอาจกระทบต่อคุณภาพน้ำและสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ
3. ผลกระทบทางกายภาพและสังคม-เศรษฐกิจ: อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ชายฝั่ง ทำให้ทัศนียภาพไม่สวยงามหรือบดบังมุมมองของชายฝั่งเดิม ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและบำรุงรักษาค่อนข้างสูง ส่งผลต่อการลงทุนและการจัดสรรงบประมาณ ในระยะยาว ความเสถียรของชายฝั่งและท่าเรือเพิ่มขึ้นอาจนำมาซึ่งการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น การขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องควบคู่กับการบริหารจัดการผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สมดุล


สำหรับเขื่อนกันคลื่นท่าเรือที่นี่ ยังไม่พบเห็นผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ อาจสืบเนื่องมาจากชายหาดด้านทิศเหนือของโครงสร้างมีกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันชายฝั่งของเอกชนและของวัดเขาเต่าตลอดทั้งแนวชายฝั่งแล้ว
เขื่อนกันคลื่นท่าเรือ (Harbour Breakwater) มีทั้งผลกระทบทางบวกและลบ โดยส่วนใหญ่เป็นผลทางบวกต่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินเรือและการใช้งานท่าเรือ อย่างไรก็ดี การวางแผน ออกแบบ และบริหารจัดการอย่างเหมาะสมจะช่วยลดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศชายฝั่งลงได้.