กำแพงกันคลื่นเป็นโครงสร้างที่วางประชิดและขนานกับชายฝั่ง เพื่อรับแรงปะทะจากคลื่นทำให้พื้นที่ด้านหลังกำแพงกันคลื่นไม่ถูกกัดเซาะ การใช้มาตรการกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่ง ควรเป็นทางเลือกท้ายๆ และควรใช้ยามจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเลือกกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันชายฝั่ง ก็ยังมีหลายรูปแบบของกำแพงให้พิจารณาตามความเหมาะสมของพื้นที่ งบประมาณ และอื่นๆ
Beach Lover ขอพาทำความรู้จักกับกำแพงกันคลื่นแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยทั่วไปพบเห็นได้ 4 แบบหลักๆคือ ตั้งตรง ลาดเอียง ขั้นบันได และแบบโค้ง ที่ออกแบบมาให้รับแรงกระแทกของคลื่นโดยตรง และสะท้อนกลับออกสู่ทะเล ภายในโครงสร้างมักเสริมเหล็กและคอนกรีตให้ได้ความแข็งแรงเพียงพอต่อแรงกระแทก


ข้อดี ประหยัดพื้นที่โดยเฉพาะกำแพงแบบแนวดิ่งซึ่งใช้พื้นที่ด้านหน้าโครงสร้างน้อยกว่าแบบหินเรียงและแบบกระสอบทราย ซึ่งต้องการความลาดเอียงเพื่อเสถียรภาพของโครงสร้าง หรือแม้แต่กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กแบบลาดเอียง ก็สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ที่จำกัดได้ง่ายกว่าแบบอื่นๆที่ต้องใช้ความลาดที่เหมาะสมเพื่อเสถียรภาพของโครงสร้าง นอกจากนี้พื้นด้านบนยังออกแบบให้รองรับกิจกรรมอื่นได้ง่ายกว่า สามารถพัฒนาเป็นทางเดิน ทางจักรยาน หรือพื้นที่สาธารณะริมทะเลได้ และเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว หากโครงสร้างแข็งแรงได้มาตรฐาน การซ่อมบำรุงอาจทำได้สะดวก (แต่หากมีการสึกกร่อนของเหล็กในระยะยาว จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง)


ข้อจำกัด ส่งผลให้คลื่นสะท้อนกลับทะเลในอัตราที่สูงกว่าแบบอื่น โดยเฉพาะหากใช้โครงสร้างที่ตันและทึบน้ำ คลื่นจะถูกดูดซับพลังงานได้น้อยกว่า ทำให้เกิดการกัดเซาะบริเวณฐานของกำแพงเอง หรือท้ายโครงสร้างในระยะยาวได้มากกว่า และหากพื้นดินมีการทรุดตัว ไม่สม่ำเสมอ หรือโดนกัดเซาะใต้ฐาน (Scour) อาจทำให้โครงสร้างมีโอกาสพังได้รวดเร็ว เพราะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าแบบอื่น

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำแพงกันคลื่นได้จาก “กำแพงกันคลื่น…ไปต่อหรือพอแค่นี้” รวมถึงโพสอื่นๆจาก Beach Lover โดยใช้ไอคอน Search มุมขวาบน โดยใช้คำค้นหาว่า “กำแพงกันคลื่น”