ป่าชายหาดมีความสำคัญต่อการกัดเซาะชายฝั่งอย่างมาก โดยทำหน้าที่เป็นกำแพงกันลมกันคลื่นตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยรักษาทรายไม่ให้ถูกพัดออกสู่ทะเล รากของพืชในป่าชายหาดช่วยยึดทรายและลดการสูญเสียพื้นที่ชายฝั่ง นอกจากนี้ป่าชายหาดยังช่วยลดแรงลมทะเลที่เข้ามาในพื้นที่ภายใน ทำให้ระบบนิเวศชายฝั่งมีความสมดุลและสามารถสนับสนุนการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ได้ดีขึ้น

ป่าชายหาดมีพืชหลายชนิดที่สามารถทนเค็มได้ ซึ่งพืชเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้สามารถเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มสูงและได้รับอิทธิพลจากลมทะเลและคลื่นน้ำทะเล โดยพืชที่พบในป่าชายหาด ได้แก่:


- จิกทะเล (Avicennia marina): เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีรากที่ช่วยยึดดินและป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
- โพทะเล (Sonneratia caseolaris): มีลักษณะเด่นคือดอกใหญ่และรากที่ยื่นออกมาจากพื้นดิน ช่วยในการยึดเกาะทราย
- กระทิง (Coccoloba uvifera): เป็นไม้ยืนต้นที่มีความทนทานต่อสภาพเค็มและแห้งแล้ง
- หูกวาง (Terminalia catappa): ไม้ยืนต้นที่นิยมปลูกตามชายหาด มีใบใหญ่และให้ร่มเงา
- มะนาวผี (Citrus hystrix): เป็นพืชที่สามารถทนเค็มได้ดี และมีการใช้ในทางการแพทย์และอาหาร
- รักทะเล (Thespesia populnea): เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นที่มีความสามารถในการเจริญเติบโตในพื้นที่ชายฝั่ง


การดูแลไม้ในป่าชายหาดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยมีแนวทางการดูแลที่สำคัญดังนี้:
- การปลูกและฟื้นฟู: ควรมีการปลูกต้นไม้ที่เหมาะสมในพื้นที่ที่ถูกทำลาย และฟื้นฟูพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น การปรับปรุงระบบน้ำเพื่อให้มีการไหลเวียนของน้ำที่ดี
- การควบคุมการบุกรุก: ควรมีมาตรการในการควบคุมการบุกรุกของมนุษย์ เช่น การห้ามสร้างรีสอร์ตหรือโครงการพัฒนาที่อาจทำลายป่าชายหาด
- การจัดการขยะ: การเก็บขยะและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในพื้นที่ป่าชายหาดจะช่วยให้กล้าไม้สามารถเติบโตได้ดีขึ้น
- การศึกษาและสร้างความตระหนัก: การให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับความสำคัญของป่าชายหาดและวิธีการอนุรักษ์ จะช่วยให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการดูแลรักษา
- การเฝ้าระวัง: ควรมีการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ในป่าชายหาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อปัญหาได้ทันท่วงที

พืชเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง แต่ยังสร้างความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศของป่าชายหาดอีกด้วย การดูแลรักษาป่าชายหาดไม่เพียงแต่ช่วยในการอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่ยังส่งผลดีต่อระบบนิเวศและชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงด้วย