แนวคิด Living Shoreline กับการป้องกันชายฝั่ง

Living shoreline หรือแนวชายฝั่งมีชีวิต กำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นว่าเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพแทนวิธีการป้องกันชายฝั่งแบบดั้งเดิม เช่น กำแพงกันคลื่น เขื่อนกันคลื่น หรือรอดักทราย แนวทางนี้เป็น มาตรการที่อิงกับธรรมชาติ (nature-based solutions, NBS) ซึ่งมีเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพของแนวชายฝั่ง ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์หรือฟื้นฟูถิ่นอาศัยตามธรรมชาติ จึงส่งผลดีทั้งในด้านการป้องกันและด้านนิเวศวิทยา ตรงกันข้ามกับโครงสร้างแบบดั้งเดิมที่มักก่อให้เกิดการสูญเสียถิ่นอาศัย และบางครั้งอาจเร่งให้เกิดการกัดเซาะในพื้นที่ข้างเคียง Living shoreline ใช้วัสดุธรรมชาติและกระบวนการตามธรรมชาติในการป้องกันชายฝั่ง ซึ่งมีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการกัดเซาะ แต่ยังส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและบริการของระบบนิเวศ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการจัดการชายฝั่ง Living Shoreline หมายถึง แนวทางการป้องกันชายฝั่งโดยใช้ องค์ประกอบทางธรรมชาติหรือกึ่งธรรมชาติ เช่น พืชน้ำกร่อย หญ้าทะเล หญ้าชายฝั่ง ป่าชายเลน หอยนางรม หรือโครงสร้างแนวปะการังเทียมแบบมีชีวิต เพื่อ ลดแรงกัดเซาะจากคลื่น ดูดซับพลังงานคลื่น ป้องกันการพังทลายของตลิ่งหรือชายฝั่ง รวมถึงช่วยสร้างระบบนิเวศชายฝั่งให้กลับมามีชีวิต ต่างจากโครงสร้างแข็งแบบเดิม (hard structures) อย่างเขื่อนกันคลื่นหรือกำแพงกันคลื่น ที่แม้จะกันคลื่นได้ แต่กลับส่งผลเสียต่อธรรมชาติ เช่น ทำให้ชายหาดหายไป หรือเกิดการกัดเซาะที่ชายฝั่งข้างเคียง (ตามอ่านผลกระทบของกำแพงกันคลื่นต่อได้ที่ https://beachlover.net/กำแพงกันคลื่น-ไปต่อหรื/) รูปแบบของ Living Shoreline มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ชายฝั่งนั้น ๆ ได้แก่: 1. พืชพรรณริมฝั่ง […]

Beachlover

April 9, 2025

Bioengineering เพื่องานป้องกันชายฝั่ง

Bioengineering หรือวิศวกรรมชีวภาพ คือการผสมผสานแนวคิดทางชีววิทยา วิศวกรรม และนิเวศวิทยา เพื่อควบคุมการกัดเซาะและเสริมความมั่นคงให้กับดินโดยใช้พืชพรรณหรือวัสดุธรรมชาติร่วมกับวัสดุก่อสร้าง  วิธีการนี้ใช้ทั้งพืชมีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยพืชไม่มีชีวิตจะถูกใช้เป็นวัสดุก่อสร้างเช่นเดียวกับวัสดุวิศวกรรมทั่วไป Bioengineering  ในบริบทของงานวิศวกรรมชายฝั่ง คือการใช้กระบวนการทางธรรมชาติ สิ่งมีชีวิต (พืช สัตว์ จุลินทรีย์) และวัสดุธรรมชาติ มาประยุกต์ใช้กับโครงสร้างหรือสภาพแวดล้อมชายฝั่ง เพื่อสร้างความมั่นคง ลดการกัดเซาะ และช่วยฟื้นฟูหรือรักษาสมดุลเชิงระบบนิเวศไปพร้อมๆ กัน หลักการสำคัญคือไม่เพียงแต่สร้างโครงสร้างทางวิศวกรรม (hard structures) เช่น เขื่อนกันคลื่นหรือกำแพงกันคลื่น แต่ยังใช้ โครงสร้างสีเขียว (green structure) หรือการเสริมด้วยชีวภาพ ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความยืดหยุ่น ความกลมกลืนกับธรรมชาติ และการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ ตัวอย่างของการใช้ Bioengineering ที่อาศัยสิ่งมีชีวิตเป็นหลักในโครงสร้างเขื่อนกันคลื่น เช่น การผสมผสานแนวหอยนางรม ซึ่งไม่เพียงช่วยป้องกันแนวชายฝั่ง แต่ยังสนับสนุนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งอนุบาลและขยายพันธุ์ ช่วยสร้างประโยชน์ทั้งในมิติทางนิเวศและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ โครงสร้างดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณตะกอน การลดทอนพลังงานคลื่น และช่วยสร้างเสถียรภาพแก่แนวชายฝั่ง ตลอดจนเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น Bioengineering ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชพื้นถิ่น (native vegetation) ยังมีประสิทธิภาพในการประคับประคองสันทรายชายฝั่ง (coastal […]

Beachlover

January 15, 2025

พืชทนเค็มในป่าชายหาด

ป่าชายหาดมีความสำคัญต่อการกัดเซาะชายฝั่งอย่างมาก โดยทำหน้าที่เป็นกำแพงกันลมกันคลื่นตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยรักษาทรายไม่ให้ถูกพัดออกสู่ทะเล รากของพืชในป่าชายหาดช่วยยึดทรายและลดการสูญเสียพื้นที่ชายฝั่ง นอกจากนี้ป่าชายหาดยังช่วยลดแรงลมทะเลที่เข้ามาในพื้นที่ภายใน ทำให้ระบบนิเวศชายฝั่งมีความสมดุลและสามารถสนับสนุนการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ได้ดีขึ้น ป่าชายหาดมีพืชหลายชนิดที่สามารถทนเค็มได้ ซึ่งพืชเหล่านี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้สามารถเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มสูงและได้รับอิทธิพลจากลมทะเลและคลื่นน้ำทะเล โดยพืชที่พบในป่าชายหาด ได้แก่: การดูแลไม้ในป่าชายหาดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยมีแนวทางการดูแลที่สำคัญดังนี้: พืชเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง แต่ยังสร้างความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศของป่าชายหาดอีกด้วย การดูแลรักษาป่าชายหาดไม่เพียงแต่ช่วยในการอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่ยังส่งผลดีต่อระบบนิเวศและชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงด้วย

Beachlover

December 30, 2024

แนวทางการแก้ปัญหาตามธรรมชาติ (Nature-Based Solutions – NbS) เพื่อป้องกันชายฝั่ง

ชุมชนชายฝั่งทะเลทั่วโลกเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกิจกรรมของมนุษย์ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น คลื่นที่รุนแรงขึ้น และการกัดเซาะชายฝั่ง กำลังสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศชายฝั่ง วิธีการแก้ปัญหาแบบดั้งเดิมที่ใช้ “โครงสร้างทางวิศวกรรม” เช่น กำแพงกันคลื่น และเขื่อนกันคลื่น พิสูจน์แล้วว่ามีราคาแพง รบกวนกระบวนการทางธรรมชาติของชายฝั่งระบบนิเวศ และมักไม่มีประสิทธิภาพในระยะยาว จึงเกิดแนวทางการแก้ปัญหาตามธรรมชาติ (Nature-Based Solutions – NbS) สำหรับการป้องกันชายฝั่ง ซึ่งกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น NbS นำเสนอแนวทางที่ยั่งยืนและครอบคลุมยิ่งขึ้นในการปกป้องชายฝั่งโดยอาศัยประโยชน์จากระบบนิเวศตามธรรมชาติ แนวคิดของ NbS เน้นการทำงานร่วมกับกระบวนการทางธรรมชาติเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ในบริบทของการป้องกันชายฝั่ง NbS เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟู อนุรักษ์ หรือเลียนแบบระบบนิเวศตามธรรมชาติ เพื่อสร้างแนวกันชนป้องกันภัยพิบัติชายฝั่งระบบนิเวศเหล่านี้ ได้แก่ ป่าชายเลน หนองน้ำเค็ม ทุ่งหญ้าทะเล และแนวปะการัง มีหน้าที่ป้องกันชายฝั่งในหลายรูปแบบ พืชพันธุ์ชายฝั่งสามารถช่วยลดพลังงานคลื่น ดักตะกอน และรักษาเสถียรภาพของแนวชายฝั่ง แนวหอยนางรมสามารถลดทอนคลื่นและส่งเสริมการทับถมของตะกอน แนวปะการังที่สมบูรณ์ทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันตามธรรมชาติ ช่วยดูดซับพลังงานคลื่นและลดผลกระทบของคลื่นพายุ กลไกการป้องกันของ NbS NbS ทำงานโดยใช้กลไกการป้องกันตามธรรมชาติที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับระบบนิเวศเฉพาะ ตัวอย่างที่สำคัญบางประการ ได้แก่: ข้อดีของ NbS เมื่อเทียบกับวิธีการแบบดั้งเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการแก้ปัญหาแบบวิศวกรรม (Hard […]

Beachlover

June 21, 2024