หาดสุชาดา-แสงจันทร์-ปากน้ำระยอง … ทุกโครงสร้างชายฝั่ง พบได้ที่นี่

หลังจากการเกิดขึ้นของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด พร้อมงานก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกมาบตาพุด ชายหาดฝั่งตะวันออกของท่าเทียบเรือก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…

Google Earth ท่าเทียบเรือมาบตาพุด

การก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ ถือเป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมชายฝั่งทะเล ที่เป็นผลมาจากการพัฒนาด้านเศรษฐกิจการคมนาคมและการค้า เพื่อให้เกิดการขยาย ตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยจะกระจายตัวไปในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับการพัฒนา เช่น ท่าเรือน้ำลึกสงขลา แหลมฉบัง และมาบตาพุด 

ท่าเรือมาบตาพุดเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก เป็นท่าเรือที่ใช้เวลาศึกษาและก่อสร้างน้อยมาก กล่าวคือ ในปี 2525 ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง ในปี 2528 ทำการออกแบบด้านวิศวกรรม  ในปี 2532 เริ่มการก่อสร้างท่าเรือซึ่งแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2535 และมีเรือเข้าเทียบท่าลำแรกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2535 (http://www.cuti.chula.ac.th/triresearch/mabtaput/mabtaput.html)

ด้วยลักษณะทางสมุทรศาสตร์และสัณฐานชายฝั่ง ทิศทางการเคลื่อนตัวของตะกอนที่ขนานกับชายฝั่งทะเล (longshore sediment transport) ในบริเวณมาบตาพุดนี้ จะมีการเคลื่อนที่สุทธิจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออกของท่าเทียบเรือ ตามทฤษฎีแล้ว เมื่อมีการก่อสร้างโครงสร้างชายฝั่งทะเล จะส่งผลให้กระแสน้ำชายฝั่ง (longshore current) มีทิศทางเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คลื่นเมื่อเคลื่อนที่ปะทะโครงสร้างจะเกิดปรากฏการณ์คลื่นหักเห  (refraction) เลี้ยวเบน (diffraction) และสะท้อน (reflection)  ส่งผลให้ชายฝั่งทางด้านท้ายน้ำ หรือส่วนถัดไปจากโครงสร้าง เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรง

คาดเดาได้ไม่ยากว่า หากมีสิ่งก่อสร้างอย่างการถมทะเลและท่าเทียบเรือน้ำลึกมาบตาพุดยื่นลงไปในทะเลด้วยระยะทาง 3.5 กิโลเมตรนี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับชายหาดทิศตะวันออกของท่าเทียบเรือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของชายหาดสุชาดาและหาดแสงจันทร์ เรื่อยยาวจากปากคลองตากวนจนถึงปากน้ำระยองระยะทางประมาณ 10.5 กิโลเมตร

หลังการเกิดขึ้นของท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ชายหาดแถบนี้ถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง จนเป็นเหตุให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจำเป็นต้องดำเนินโครงการป้องกันชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมหลากหลายรูปแบบ อันประกอบด้วย เขื่อนกันคลื่นนอกจากฝั่ง 65 ตัว รอดักทรายรูปตัว Y จำนวน 14 ตัว รอดักทรายรูปตัว I จำนวน 4 ตัว การถมทรายชายหาด และกำแพงกันคลื่น ตลอดระยะทาง 10.5 กิโลเมตร ไปจนถึงเขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำระยอง (Jetty) โดยมิได้ดำเนินการในช่วงเวลาเดียว แต่มีการทยอยทำและเสริมโครงสร้างป้องกันต่างวาระกัน ส่งผลให้ชายหาดฝั่งตะวันออกของท่าเทียบเรือมาบตาพุดมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ชายหาดเกิดการโค้งเว้าผิดแผกจากธรรมชาติเดิม ซึ่งก็เป็นผลมาจากโครงสร้างป้องกันชายฝั่งรูปแบบต่างๆนั่นเอง

โครงสร้างป้องกันชายฝั่ง มองไปทางปากน้ำระยอง (ภาพเมื่อ 25 กันยายน 2563)
โครงสร้างป้องกันชายฝั่ง มองไปทางท่าเทียบเรือน้ำลึกมาบตาพุด (ภาพเมื่อ 25 กันยายน 2563)

แม้โครงการนี้ได้แล้วเสร็จไปนานแล้วตั้งแต่ประมาณปี 2542 แต่ยังคงปรากฏให้เห็นความเสียหายเพิ่มเติมจนหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องดำเนินการซ่อมแซม (https://www.md.go.th/app/mdadmin/images/upload/news/10255-003.pdf) (https://www.facebook.com/1129204760428948/posts/3849532305062833/) รวมถึงสร้างโครงสร้างป้องกันเพิ่มเติมอย่างกำแพงกันคลื่นในบางตำแหน่งโดยเฉพาะบริเวณช่องว่างระหว่างเขื่อนกันคลื่น

ความเสียหายบริเวณช่องเปิดระหว่างเขื่อนกันคลื่น (ภาพเมื่อ 25 กันยายน 2563)
ความเสียหายบริเวณช่องเปิดระหว่างเขื่อนกันคลื่น (ภาพเมื่อ 25 กันยายน 2563)

เรียกได้ว่า หากต้องการศึกษาโครงสร้างป้องกันชายฝั่งรูปแบบต่างๆ รวมถึงโครงสร้างป้องกันปากร่องน้ำแบบครบถ้วน ทุกรูปแบบต้องมา ณ “สนามประลอง” แห่งนี้ แล้วจะได้เรียนรู้ว่า โครงการถมทะเลหลายพื้นที่ชายหาดในประเทศไทยที่รัฐกำลังคิดเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นหลัก จุดจบของชายหาดใกล้เคียงคงไม่ต่างจากหาดสุชาดาและหาดแสงจันทร์