เปิดร่างงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลปี 2566

ที่มาข้อมูลจากเล่มร่างงบประมาณขาวคาดแดง โดยสำนักงบประมาณปี 2565 วิเคราะห์ข้อมูลโดย Beach Lover

Beach Lover ได้เคยนำเสนองบประมาณเพื่องานแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปี 2563 แล้ว ติดตามได้จากโพสเก่าๆตาม Link ด้านล่าง

งบประมาณปี 2563 https://beachlover.net/budget-2563-beach-erosion/

งบประมาณปี 2564 https://beachlover.net/ร่างงบประมาณ-ชายฝั่ง-2564/

งบประมาณปี 2565 https://beachlover.net/สดๆร้อนๆ-เปิดร่างงบประมาณป้องกันชายฝั่งประจำปี-2565/

เมื่อเดือน พ.ค.2565 ร่างงบประมาณประจำปี 2566 ได้ถูกเผยแพร่ผ่านสำนักงบประมาณ (ร่างงบประมาณเล่มขาดคาดแดง) พบว่ารัฐวางแผนใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.2565-ก.ย.2566) เพื่องานศึกษา งานก่อสร้างและปรับปรุงโครงสร้างป้องกันชายฝั่งใน 3 กรมหลัก รวมถึงงบกลุ่มจังหวัดด้วย รวมทั้งสิ้น 1,779.900 ล้านบาท ใน 79 โครงการ 

ใน 79 โครงการนี้ แบ่งออกเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจำนวน 55 โครงการ โดยถือเป็นสัดส่วนมากที่สุดคือ 65% ของงบประมาณทั้งหมด รองลงมาคือกรมเจ้าท่าจำนวน 13 โครงการ นับเป็น 27% ของงบประมาณทั้งหมด รองลงมาคืองบกลุ่มจังหวัดจำนวน 5 โครงการ คิดเป็น 8% ของงบประมาณทั้งหมด และหน่วยงานหลักที่มีภารกิจกำกับดูแลเรื่องงานแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สัดส่วนงบประมาณไปน้อยที่สุดคือ 2% ของงบประมาณทั้งหมดใน 6 โครงการ

โดยในจำนวน 79 โครงการนี้ มีทั้งโครงการที่เป็นโครงการเดิมที่ใช้งบผูกพันต่อเนื่องมาจากปีงบประมาณก่อนหน้า จำนวน 53 โครงการ และโครงการที่เพิ่งตั้งใหม่ในปีนี้จำนวน 26 โครงการ ทั้งโครงการศึกษาและโครงการก่อสร้างใน 16 จังหวัดชายฝั่งทะเล โดยในปีนี้จังหวัดที่ได้โครงการมากที่สุด 9 โครงการได้แก่ จ.ชลบุรี รองลงมาจำนวน 8 โครงการคือ จ.สงขลา และ 7 โครงการใน จ.ชุมพร

จากร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่รัฐคาดว่าจะใช้จ่ายเพื่องานแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งใน 3 กรมหลัก เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565 (https://beachlover.net/สดๆร้อนๆ-เปิดร่างงบประมาณป้องกันชายฝั่งประจำปี-2565/) นั้น พบว่าลดลงทุกหน่วยงาน จาก 1,378.7 ล้านบาทในปี 2565 เหลือ 1,174 ล้านบาท (ไม่รวมกลุ่มจังหวัดและไม่รวมงบศึกษาเนื่องจากในปีงบประมาณ 2565 ไม่ได้วิเคราะห์ส่วนนี้ไว้) โดยในภาพรวมลดลงไป 14.8 % หรือ 204.7 ล้านบาท