[ภาพเมื่อ: มิ.ย.2563]
ชุมชนประมงบริเวณนี้ จะทราบหรือไม่ว่า หากการก่อสร้างกำแพงทางตอนใต้แล้วเสร็จ พื้นที่ที่ใช้จอดเรือกันอยู่ในเวลานี้อาจหดหายไป ถนนเส้นเล็กๆที่ใช้สัญจรกันริมทะเลอาจถูกกัดเซาะ จนท้องถิ่นเอาไม่อยู่และจำเป็นต้องเรียกร้องโครงการป้องกันแบบ “หาดเพื่อนบ้าน” ซึ่งต่อมาพื้นที่แห่งนี้ก็อาจถูกแทนที่ด้วยกำแพงขนาดใหญ่เหมือน “หาดเพื่อนบ้าน” เมื่อถึงเวลานั้นในช่วงมรสุม หากไม่คิดค้นนวัตกรรมในการนำเรือปีนกำแพงขึ้นมาจอดบนถนน ก็อาจจำเป็นต้องนำเรือไปจอดที่อื่นชั่วคราว หรือปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไป
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_1024,h_617/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/08/104163743_10221073766090915_4842719582028211653_o-1024x617.jpg)
เรื่องราวแบบนี้เป็นเหมือนฉากหนังที่วนซ้ำไปซ้ำมา จนชายหาดสามพันกว่ากิโลเมตร ถูกขลิบด้วยกำแพงกันคลื่นไปเกือบสองร้อยกิโลเมตรแล้ว
หากชุมชนชายฝั่งผู้มีส่วนได้เสียถูกให้ข้อมูลที่ถูกต้องอย่างรอบด้านแล้วยอมรับผลกระทบจากโครงการที่เกิดขึ้นบน “หาดบ้านเพื่อน” ทุกฝ่ายก็คงเคารพการตัดสินใจนั้น แต่หากชาวบ้านได้รับฟังข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน และไม่รอบด้านพอต่อการตัดสินใจ กระบวนการรับฟังความคิดเห็นนั้นถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เราจะเห็นภาพแบบนี้วนซ้ำไปซ้ำมาอีกนานเท่าไหร่ คงขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐในการรับฟังเสียงของประชาชน