คนชุมพรเสียดาย ชี้สร้างเขื่อน 80 ล้านที่หาดทรายรีกระทบระบบนิเวศแน่

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/south/2225700

คนชุมพรฝากคำถาม สร้างเขื่อนกันตลิ่งตลอดแนวหาดทรายรีแหล่งท่องเที่ยว และแห่งประวัติศาสตร์ ชายหาดสวยงามอันดับหนึ่งของชุมพร งบประมาณ 80 ล้านบาท “ป้องกันหรือทำลาย” เชื่อสร้างเสร็จกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งแน่นอน

วันที่ 22 ต.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณริมหาดทรายรี ตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร แหล่งท่องเที่ยวมีชายหาดสวยงามขึ้นชื่อของ จ.ชุมพร ในอดีตเป็นพระตำหนักที่ประทับของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย หรือหมอพร และเป็นแหล่งเรียนรู้ยาสมุนไพรตำหรับหมอพร มีการสร้างพระตำหนัก ประดิษฐานพระบรมรูปของพลเรือเอกเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดศักดิ์ มีประชาชนจากทั่วสารทิศมากราบไหว้สักการะอย่างไม่ขาดสาย ด้านหน้าชายหาดจะมีเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนมากมองดูสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวทางทะเลอย่างมาก ดังคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “ชุมพร ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก”

วันนี้ ชายหาดที่สวยงามกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อ กรมโยธิการและผังเมือง มีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล ที่พื้นที่ชายฝั่ง หมู่ 6 ตำบลหาดรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร โดยบริษัท ช.ฐานเพชร เป็นคู่สัญญาในการก่อสร้าง ด้วยงบประมาณ 82 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 700 วัน สิ้นสุดสัญญาใน ปี 2565

ผู้รับเหมาได้ระดมเครื่องจักรหนักเบาเข้าไประดมการก่อสร้างบนชายหาดตามโครงการฯ จนนักท่องเที่ยวและประชนชนที่ไปพบเห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการป้องกันหรือทำลายสิ่งแวดล้อม และกำลังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างอยู่ขณะนี้ ซึ่งหากการก่อสร้างแล้วเสร็จหาดทรายรีที่สวยงามจะไม่มีชายหาดให้เห็นและลงไปเดินเที่ยวเล่นอีกต่อไป

นายหัสฆเนศ ไชยะคำ อายุ 24 ปี โฟร์แมนของบริษัท ช.ฐานเพชร ผู้คุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล เปิดเผยว่าโครงการดังกล่าว มีความยาว 633 เมตร เรียกได้ว่าทำตลอดแนวชายหาด งบประมาณที่ใช้ประมาณ 82 ล้าน โดยโครงการมีการทำแนวกันคลื่นเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง จากเดิมพื้นที่จุดนี้มีแนวป้องกันการกัดเซาะอยู่แล้วเป็นลักษณะกำแพงแนวตั้ง แต่กำแพงเดิมได้รับความเสียหายจึงมีโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อปรับปรุงใหม่ จากเดิมที่เป็นแนวตั้งก็ปรับให้เป็นลักษณะลาดลงไปในชายหาด ความยาวของแนวกันคลื่นมีความยาวประมาณ 10 เมตร จากด้านบนไปจนถึงพื้นด้านล่างบริเวณชายหาด

“การก่อสร้างเป็นลักษณะของขั้นบันได ประมาณ 10 ขั้น ยื่นลงไปบนชายหาด โดยขั้นบันไดประมาณ 2-3 ขั้นสุดท้าย เมื่อสร้างแนวเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการปรับชายหาดให้เหมือนเดิม บันได 2-3 ขั้นก็จะถูกฝังลงในทราย เมื่อถึงฤดูกาลที่น้ำทะเลลงก็จะเห็นขั้นบันไดที่ถูกทรายฝั่งไว้ โครงการนี้นอกเหนือจากทำแนวกันคลื่นป้องกันตลิ่งพังแล้ว ยังเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณแนวชายหาดด้วย มีการปูตัวหนอนเป็นทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นให้ชาวบ้านได้ออกกำลังกาย เป็นความกว้างประมาณ 5 เมตร ตลอดแนวชายฝั่ง”

เมื่อสอบถามในเรื่องของผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดจากการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลแห่งนี้ นายหัสฆเนศ กล่าวว่า จากที่มีการก่อสร้างในหลายๆ ที่ ซึ่งสร้างเขื่อนในลักษณะนี้ หากในช่วงที่น้ำทะเลขึ้น คลื่นจะพัดเอาทรายขึ้นมาปิดตัวบันไดที่ยื่นลงไปในชายหาด ความสวยงามหาดทรายก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้กระทบต่อความสวยงามหรือระบบนิเวศชายฝั่ง

ด้าน นายจงรักษ์ พุทธศรี อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/2 หมู่ 7 ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร ชาวบ้านที่เห็นหาดทรายรีมาตั้งแต่เกิด เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยมานานแล้ว ไม่ว่าจะมีการสร้างเขื่อนที่ไหน ที่จังหวัดใด โดยตนจะไปช่วยคัดค้านตลอด ถ้าไปไม่ได้ก็จะส่งใจส่งเงินไปช่วย แต่ครั้งนี้มาเกิดที่บ้านเรามันสะท้อนให้เห็นว่า ทำไมไม่มีใครมาช่วยคัดค้าน

“เสียดายภาพบรรยากาศของเก่าริมชายหาดทรายรี นึกถึงช่วงเวลาที่สามารถเดินเล่นริมหาดได้ และในหลายๆ ที่ในจังหวัดชุมพร เช่น หาดทุ่งวัวแล่น หาดปะทิว ก็ไม่เห็นต้องมีเขื่อนแบบนี้ แต่ทำไมมาทำที่หาดทรายรีแห่งนี้ ซึ่งหากเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลแห่งนี้ถูกสร้างเสร็จ เชื่อว่าระบบนิเวศจะเสียหายไปมากอย่างแน่นอน สิ่งแรกคือจะไม่มีหาดให้ดู ประมงจะหาปลา หาหอยเสียบ ตกปลาทรายชายฝั่ง ปูทะเล ปูลม จะหายไป ชาวประมงชายฝั่งก็จะหายไป เพราะไม่มีสัตว์น้ำมาอาศัย แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าระบบนิเวศจะเสียหายอย่างแน่นอน”.