เรามีแผนรับมือการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากสภาวะโลกร้อนหรือไม่

ประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรับมือกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากสภาวะโลกร้อนและได้มีการวางแผนและดำเนินการในหลายๆ ด้าน โดยสรุปมีดังนี้: ข้อมูลที่นำเสนอมานั้นเป็นเพียงภาพรวมแบบสรุปเท่านั้น แผนรับมือของแต่ละหน่วยงานยังมีรายละเอียดอีกมากมาย Beach Lover จะหามานำเสนอในครั้งถัดไป

Beachlover

September 6, 2024

เราวิเคราะห์การรุกตัวของน้ำเค็มบริเวณปากแม่น้ำกันอย่างไร

Beach Lover ได้เคยนำเสนอ ปัญหาการแทรกตัวของเค็มบริเวณปากแม่น้ำ และ มาตรการลดผลกระทบไปแล้ว ตามอ่านได้จากโพสเดิม หรือ Click ที่ Link ได้เลย ครั้งนี้ขอนำเสนอการวิเคราะห์การรุกตัวของน้ำเค็มในบริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งนับว่าเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อให้เข้าใจถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลและวางแผนการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสรุปเราสามารถดำเนินการศึกษาตามลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. สำรวจและเก็บข้อมูล: การลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ โดยจะทำการวัดค่าความเค็มของน้ำในแม่น้ำ ณ จุดต่างๆ และในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เช่น ช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง เพื่อดูความผันผวนของความเค็มตามระยะทางจากทะเลและตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังวัดระดับน้ำและอัตราการไหลของน้ำ เพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างระดับน้ำในแม่น้ำและทะเล รวมถึงปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงมา ซึ่งมีผลต่อการรุกตัวของน้ำเค็ม ตัวอย่างเช่น หากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น หรือปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงมาน้อยลง ก็อาจทำให้เกิดการรุกตัวของน้ำเค็มได้มากขึ้น 2. แบบจำลองทางคณิตศาสตร์: การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ช่วยให้เราสามารถทำนายการรุกตัวของน้ำเค็มภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ได้ เช่น หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำทะเล นอกจากนี้ แบบจำลองยังช่วยให้เราเข้าใจถึงกลไกการเคลื่อนที่ของน้ำเค็มในแม่น้ำ เช่น การกระจายตัวของเกลือในแนวดิ่งและแนวราบ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการออกแบบมาตรการป้องกัน 3. เทคโนโลยี Fernerkundung: การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและระบบ GPS ช่วยให้เราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแนวป้องกันธรรมชาติที่สำคัญต่อการรุกตัวของน้ำเค็ม นอกจากนี้ GPS ยังช่วยในการระบุตำแหน่งที่แม่นยำในการเก็บตัวอย่างน้ำ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการสร้างแผนที่แสดงการกระจายตัวของความเค็มในแม่น้ำ 4. […]

Beachlover

September 2, 2024

ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลยังไง

ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวที่เกี่ยวข้องกับ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” จนส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์บริเวณชายหาดและพื้นที่ลุ่มต่ำจำนวนมาก เช่น เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงใน 4 แม่น้ำสายหลัก  ปรากฏการณ์​น้ำทะเลบางแสนหนุนสูง ระวังน้ำทะเลหนุนสูง หลายจังหวัดจมบาดาล “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” คือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ทำให้แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มีผลต่อระดับน้ำทะเลมากขึ้น ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นปีละหลายครั้ง แต่ความรุนแรงและความถี่ของปรากฏการณ์นี้กำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน ผลกระทบที่หลากหลาย ผลกระทบของ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงน้ำท่วมชายฝั่งเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของผู้คนในหลายด้าน ตัวอย่างเช่น การรับมือและการปรับตัว การรับมือกับ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ตัวอย่างมาตรการที่สามารถนำมาใช้ได้แก่ “ปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง” เป็นภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากผลกระทบของโลกร้อนหรือโลกรวน ดังนั้น การเตรียมความพร้อมและการปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

Beachlover

August 23, 2024

รูบนหาดทราย เกิดจากอะไร

รูบนหาดทรายนั้นเปรียบเสมือนปริศนาเล็กๆ ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ซึ่งมีที่มาที่ไปได้หลากหลายและน่าสนใจทีเดียว ดังนั้น ก่อนจะสรุปว่ารูบนหาดทรายเกิดจากอะไร เราควรพิจารณาถึงลักษณะของรู ตำแหน่งที่พบ รวมถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อไขปริศนาที่มาของรูนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและสนุกสนานไปกับการเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัวเรา

Beachlover

August 21, 2024

ความลึกน้ำ ส่งผลต่อการยกระดับของคลื่นริมชายฝั่งอย่างไร

ความลึกของน้ำมีผลอย่างมากต่อการยกระดับของคลื่นทะเลริมชายฝั่ง (wave shoaling) เมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากน้ำลึกเข้าสู่น้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง จะเกิดกระบวนการต่อไปนี้: โดยสรุป ความลึกของน้ำที่ลดลงจะทำให้คลื่นทะเลช้าลง สูงขึ้น และสั้นลงเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง กระบวนการนี้เรียกว่า “wave shoaling” และมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจและทำนายสภาพชายฝั่ง รวมถึงการกัดเซาะชายฝั่งและน้ำท่วมชายฝั่ง

Beachlover

August 15, 2024

การศึกษาด้าน อุทกพลศาสตร์ (Hydrodynamics) คืออะไร

อุทกพลศาสตร์ (Hydrodynamics) เป็นสาขาหนึ่งของฟิสิกส์ที่ศึกษาการเคลื่อนที่ของของไหลและแรงที่กระทำต่อของไหล โดยครอบคลุมทั้งด้านทฤษฎีและด้านประยุกต์ เป็นทฤษฎีที่มีประสิทธิภาพในการทำความเข้าใจพฤติกรรมขนาดใหญ่ในระบบหลายส่วน นับเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจและมีความสำคัญอย่างยิ่งในโลกของฟิสิกส์ โดยเป็นสาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมและการเคลื่อนที่ของของไหล ซึ่งรวมถึงของเหลวและก๊าซทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่ไหลในแม่น้ำ ลมที่พัดผ่านท้องฟ้า หรือแม้กระทั่งการไหลเวียนของเลือดในร่างกายของเรา ในการศึกษาอุทกพลศาสตร์ เราจะพิจารณาถึงแรงต่างๆ ที่กระทำต่อของไหล เช่น แรงโน้มถ่วง แรงดัน และแรงเสียดทาน ซึ่งแรงเหล่านี้มีผลต่อการเคลื่อนที่และการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของของไหล นอกจากนี้ เรายังศึกษาถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างของไหลกับวัตถุที่จมอยู่ในของไหล หรือวัตถุที่เคลื่อนที่ผ่านของไหล เช่น การไหลของน้ำรอบๆ ตัวเรือ หรือการเคลื่อนที่ของเครื่องบินในอากาศ อุทกพลศาสตร์มีสาขาย่อยที่น่าสนใจหลายแขนง เช่น ความรู้ทางอุทกพลศาสตร์มีความสำคัญอย่างยิ่งในหลากหลายสาขา เช่น

Beachlover

August 9, 2024

ทำไมเม็ดทรายบนชายหาด จึงแตกต่างกัน

เม็ดทรายบนชายหาดมีความหลากหลายอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง สีสัน หรือองค์ประกอบทางเคมี ล้วนแตกต่างกันไปตามที่มาและเรื่องราวการเดินทางอันยาวนาน เริ่มต้นจากต้นกำเนิด เม็ดทรายส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นจากการผุพังของหินแข็ง ไม่ว่าจะเป็นหินแกรนิตที่ให้ทรายเนื้อหยาบสีอ่อน หินบะซอลต์ที่ให้ทรายสีเข้ม หรือหินปูนที่ให้ทรายสีขาวละเอียด นอกจากนี้ยังมีทรายที่เกิดจากการสลายตัวของซากปะการังและเปลือกหอย ซึ่งมักพบในเขตร้อนและมีสีขาวสะอาดตา บางครั้งทรายยังอาจมีแร่ธาตุอื่นๆ ปนอยู่ เช่น ควอตซ์ที่ทำให้ทรายเป็นประกายระยิบระยับ หรือแร่เหล็กที่ทำให้ทรายมีสีแดงอมน้ำตาล เมื่อหินผุพังกลายเป็นเม็ดทราย การเดินทางของพวกมันก็เริ่มต้นขึ้น คลื่นทะเลเป็นผู้เล่นหลักในการกัดเซาะและพัดพาทรายไปตามชายฝั่ง คลื่นแรงจะพัดพาเม็ดทรายขนาดใหญ่ได้ดีกว่า ทำให้ทรายหยาบมักพบในบริเวณที่คลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ในขณะที่ทรายละเอียดจะถูกพัดพาไปไกลกว่าและสะสมตัวในบริเวณที่สงบกว่า กระแสน้ำในทะเลและแม่น้ำก็มีส่วนสำคัญในการพัดพาทรายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้ทรายจากแหล่งต่างๆ มาผสมปนเปกัน แม้กระทั่งลมก็สามารถพัดพาเม็ดทรายขนาดเล็กไปได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ธรรมชาติยังมีกลไกในการคัดแยกขนาดของเม็ดทรายอีกด้วย การขึ้นลงของน้ำทะเลทำให้เกิดการคัดขนาดตามธรรมชาติ เม็ดทรายขนาดใหญ่จะตกตะกอนก่อนเมื่อคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ในขณะที่เม็ดทรายขนาดเล็กจะถูกพัดพากลับลงทะเลไปพร้อมกับคลื่นที่ไหลกลับ ความลาดชันของชายหาดก็มีผลต่อการคัดขนาดเช่นกัน ชายหาดที่ลาดชันจะทำให้คลื่นมีพลังในการพัดพาเม็ดทรายขนาดใหญ่ได้ดีกว่าชายหาดที่ราบเรียบ นอกจากปัจจัยทางธรรมชาติแล้ว กิจกรรมของมนุษย์ก็มีส่วนทำให้เม็ดทรายบนชายหาดมีความหลากหลายมากขึ้น การสร้างเขื่อนหรือกำแพงกันคลื่นสามารถเปลี่ยนแปลงการไหลของกระแสน้ำและคลื่น ส่งผลต่อการกระจายตัวของทรายตามธรรมชาติ ในบางพื้นที่ การขุดทรายเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างหรือการถมทะเลก็ทำให้ชายหาดบางแห่งมีทรายลดน้อยลง หรือมีขนาดของเม็ดทรายเปลี่ยนแปลงไป ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ทำให้เม็ดทรายบนชายหาดแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ หากลองสังเกตและสำรวจดู จะพบว่าแต่ละเม็ดทรายต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อ

Beachlover

July 29, 2024

วิศวกรชายฝั่งทะเล มีหน้าที่อะไร

วิศวกรชายฝั่งทะเล เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้มีความมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน โดยนำความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมทางทะเลที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วิศวกรชายฝั่งทะเล มีหน้าที่หลักในการออกแบบ วางแผน และดูแลโครงสร้างและระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชายฝั่งทะเล เพื่อปกป้องชายฝั่งจากการกัดเซาะ พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้มีความมั่นคงและยั่งยืน รวมถึงจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมชายฝั่งทะเล: หน้าที่ของวิศวกรชายฝั่งทะเล ครอบคลุมตั้งแต่การสำรวจและวิเคราะห์สภาพชายฝั่งอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อชายฝั่ง เช่น กระแสน้ำ คลื่น ลม พายุ และการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การสำรวจด้วยเสียง การสำรวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ และแบบจำลองคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างข้อมูลที่แม่นยำและครบถ้วน จากข้อมูลที่ได้ วิศวกรชายฝั่งจะทำการออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับสภาพชายฝั่งนั้นๆ เพื่อป้องกันการกัดเซาะและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตัวอย่างโครงสร้างที่วิศวกรชายฝั่งอาจออกแบบ เช่น กำแพงกันคลื่น (Seawall) ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันชายฝั่งจากคลื่นแรง รอดักทราย (Groin) ที่ช่วยดักทรายและป้องกันการพังทลายของชายหาด หรือเขื่อนกันคลื่นใต้น้ำ (Submerged Breakwater) ที่ช่วยลดความแรงของคลื่นก่อนเข้าถึงชายฝั่ง นอกจากการออกแบบโครงสร้างป้องกันแล้ว วิศวกรชายฝั่งยังมีบทบาทในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การออกแบบท่าเรือน้ำลึกสำหรับการขนส่งสินค้า การสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลเพื่อการเกษตร หรือการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่ง โดยสรุปแล้วหน้าที่หลักของวิศวกรชายฝั่งทะเลมีดังต่อไปนี้: การทำงานของวิศวกรชายฝั่งทะเล ไม่ได้จบแค่การออกแบบและก่อสร้าง […]

Beachlover

July 27, 2024

ทำไมต้นมะพร้าวริมทะเล เอนออกทะเล

ต้นมะพร้าวริมทะเลที่เอนเอียงออกทะเลนั้น เป็นภาพที่เราคุ้นเคยและเป็นสัญลักษณ์ของชายฝั่งเขตร้อน แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมต้นมะพร้าวเหล่านี้ถึงไม่ยืนต้นตรงเหมือนต้นไม้ทั่วไป คำตอบนั้นซ่อนอยู่ในปัจจัยทางธรรมชาติหลายประการ ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและรูปทรงของต้นมะพร้าว หนึ่งในปัจจัยหลักคือการกัดเซาะของดินชายฝั่ง คลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินบริเวณชายหาดค่อยๆ สึกกร่อนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีพายุหรือมรสุมรุนแรง อาจทำให้ดินถูกกัดเซาะไปเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ชายฝั่งสูญเสียฐานรากที่มั่นคง และค่อยๆ เอนเอียงออกทางทะเล นอกจากนี้ ทิศทางของแสงแดดก็มีบทบาทสำคัญ ต้นมะพร้าวมีลักษณะพิเศษคือใบจะหันไปทางที่มีแสงแดดมากที่สุด เพื่อให้ได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่สำหรับกระบวนการสังเคราะห์แสง เนื่องจากบริเวณชายทะเลเปิดโล่งและมีแสงแดดส่องถึงมากกว่าทางด้านในแผ่นดิน ต้นมะพร้าวจึงมักจะเอนเอียงออกทางทะเลเพื่อให้ใบได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ แรงลมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ลมทะเลที่พัดเข้าหาฝั่งอย่างสม่ำเสมอ จะสร้างแรงกดต่อต้นมะพร้าว ทำให้ต้นมะพร้าวค่อยๆ เอนเอียงตามทิศทางของลม ซึ่งก็คือออกทางทะเลนั่นเอง ยิ่งบริเวณใดมีลมทะเลแรงมากเท่าไหร่ ต้นมะพร้าวก็จะยิ่งเอนเอียงมากขึ้นเท่านั้น นอกจากปัจจัยหลักเหล่านี้แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการเอนเอียงของต้นมะพร้าว เช่น น้ำหนักของผลมะพร้าวที่ออกเป็นทะลาย หรือความเสียหายที่เกิดจากแมลงศัตรูพืชและโรคต่างๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ปัจจัยหลักที่กล่าวมาข้างต้น คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้นมะพร้าวริมทะเลเอนเอียงออกทะเล แม้ว่าต้นมะพร้าวจะเอนเอียง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้นมะพร้าวจะอ่อนแอหรือไม่แข็งแรง ตรงกันข้าม ต้นมะพร้าวเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ดี และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ การเอนเอียงของต้นมะพร้าวจึงเป็นเพียงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ที่ทำให้ชายหาดเขตร้อนมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Beachlover

July 24, 2024

ทำไม สีของน้ำทะเลจึงแตกต่างกัน

สีสันของท้องทะเลที่เราเห็นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่สีฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีความหลากหลายราวกับจานสีของศิลปิน ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้น้ำทะเลอันกว้างใหญ่ เริ่มจากปัจจัยแรกคือ แสง แสงแดดที่ส่องลงมาบนผิวน้ำทะเลประกอบด้วยแสงสีต่างๆ เมื่อแสงกระทบกับน้ำทะเล โมเลกุลของน้ำจะดูดกลืนแสงสีแดง ส้ม และเหลืองไว้ ทำให้แสงสีฟ้าและสีม่วงสามารถทะลุผ่านลงไปในน้ำได้ลึกกว่า และถูกกระเจิงกลับขึ้นมาสู่สายตาของเรา นี่คือเหตุผลที่ทำให้น้ำทะเลส่วนใหญ่มักมีสีฟ้า อย่างไรก็ตาม สีของน้ำทะเลไม่ได้มีแค่สีฟ้าเพียงอย่างเดียว สิ่งมีชีวิตในทะเล ก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างสีสันอันหลากหลาย เช่น แพลงก์ตอนพืช ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีคลอโรฟิลล์ จะดูดกลืนแสงสีฟ้าและสีแดงเพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ทำให้ทะเลบริเวณที่มีแพลงก์ตอนพืชหนาแน่นมีสีเขียวอมฟ้า ส่วนสาหร่ายทะเลสีแดง ก็สามารถดูดกลืนแสงสีอื่นๆ ยกเว้นสีแดง ทำให้สะท้อนแสงสีแดงออกมา และทำให้ทะเลบริเวณนั้นมีสีแดง นอกจากนี้ สิ่งแขวนลอยในน้ำ ก็ส่งผลต่อสีของน้ำทะเลด้วย เช่น ตะกอนดิน ทราย หรือแม้แต่เศษซากสิ่งมีชีวิต จะทำให้น้ำทะเลมีสีขุ่นหรือสีน้ำตาล ยิ่งมีตะกอนมากเท่าไหร่ น้ำทะเลก็ยิ่งขุ่นมากขึ้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม หากน้ำทะเลมีความใสสะอาดและไม่มีสิ่งเจือปนมากนัก แสงก็จะสามารถส่องผ่านลงไปได้ลึก ทำให้เรามองเห็นน้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินเข้ม ความลึกของน้ำ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อสีของน้ำทะเล ในบริเวณน้ำตื้น แสงแดดสามารถส่องลงไปถึงพื้นทะเลและสะท้อนกลับขึ้นมา ทำให้เรามองเห็นสีของพื้นทะเล เช่น สีขาวของทรายหรือสีเขียวของปะการัง แต่เมื่อน้ำลึกลงไป แสงแดดจะถูกดูดกลืนไปมากขึ้น ทำให้เรามองเห็นน้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินเข้ม และสุดท้าย สภาพอากาศ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสีของน้ำทะเลด้วยเช่นกัน ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดจะส่องลงมาในน้ำทะเลได้มาก ทำให้สีของน้ำทะเลสดใส แต่ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม แสงแดดจะส่องลงมาในน้ำทะเลได้น้อยลง ทำให้สีของน้ำทะเลดูหม่นหมอง จะเห็นได้ว่า สีของน้ำทะเลที่เราเห็นนั้นเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน […]

Beachlover

July 22, 2024
1 2 5