ทราย … กำลังจะหมดไปจากโลก จริงหรือไม่?

ต้นฉบับบทความจาก https://www.bbc.com/future/article/20191108-why-the-world-is-running-out-of-sand ดัดแปลงและเพิ่มเติมเนื้อหาโดย Beach Lover แม้จะเป็นเพียงเม็ดหินที่ผุพังตามกาลเวลา ซึ่งพบได้ทั่วไปตามทะเลทรายและชายหาดทั่วโลก แต่ใครจะรู้ว่าทรายกลับเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีการบริโภคมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากน้ำ เราใช้ทรายในปริมาณมหาศาล คิดเป็นน้ำหนักถึง 50,000 ล้านตันต่อปี มากเสียจนสามารถสร้างกำแพงสูง 9 ชั้นล้อมรอบโลกได้เลยทีเดียว แต่ทรายที่เราใช้กันอยู่นี้ ไม่ใช่ทรายชนิดเดียวกับที่เราเห็นตามชายทะเล ทรายเหล่านั้นเม็ดละเอียดเกินไป ไม่เหมาะกับการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทรายที่เหมาะสมต้องมีความแข็งแรง ทนทาน มีเหลี่ยมมุมที่ช่วยในการยึดเกาะ ซึ่งทรายลักษณะนี้มักพบในแม่น้ำสายใหญ่ ทะเลสาบ หรือบางพื้นที่บนบก และด้วยความต้องการที่สูงมาก ทำให้ทรายชนิดนี้กำลังถูกขุดลอกขึ้นมาใช้ จนธรรมชาติไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ทัน ทรายอาจดูเหมือนไร้ค่า แต่แท้จริงแล้วทรายเป็นส่วนประกอบสำคัญในชีวิตของเรา เป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างเมืองสมัยใหม่ ทั้งคอนกรีตที่ใช้สร้างห้างสรรพสินค้า สำนักงาน และอาคารชุด รวมถึงยางมะตอยที่ใช้สร้างถนนเชื่อมต่ออาคารเหล่านั้น ล้วนทำจากทรายและกรวดที่เชื่อมประสานกัน กระจกทุกบานบนหน้าต่าง กระจกหน้ารถ และหน้าจอสมาร์ทโฟน ล้วนทำจากทรายที่หลอมละลาย แม้แต่ชิปซิลิคอนภายในโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของเรา รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เกือบทุกชิ้นในบ้าน ก็ล้วนทำมาจากทราย เราอาจสงสัยว่า แล้วปัญหาอยู่ตรงไหน? ทรายมีอยู่มากมายทั่วโลก ทั้งในทะเลทรายใหญ่ ๆ อย่างซาฮาราและแอริโซนา หรือบนชายหาดทั่วโลก เราแม้กระทั่งสามารถซื้อทรายจากร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างในราคาถูก ๆ แต่เชื่อหรือไม่ […]

Beachlover

October 18, 2024

Star sand คืออะไร ?

Star Sand บนเกาะ Okinawa ประเทศญี่ปุ่น เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายดาว 5 แฉก พวกมันเป็นสัตว์จำพวก Foraminifera ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีเปลือกแข็งห่อหุ้มตัว เมื่อพวกมันตายลง เปลือกแข็งเหล่านี้ก็จะถูกพัดพาขึ้นมาสะสมบนชายหาด ทำให้ดูเหมือนมีทรายรูปดาวอยู่เต็มไปหมด Star Sand เกิดจากอะไร? Star Sand เกิดจากซากเปลือกของ Foraminifera ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Baculogypsina sphaerulata ซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลบริเวณใกล้แนวปะการัง เมื่อพวกมันตายลง เปลือกของพวกมันก็จะถูกคลื่นซัดขึ้นมาสะสมบนชายหาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกาะ Iriomote และ Hatoma ใน Okinawa ลองจินตนาการถึงแนวปะการังที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาใต้ท้องทะเล บริเวณนั้น Foraminifera ตัวเล็กๆ นับล้านกำลังสร้างเปลือกแข็งรูปดาวของพวกมัน เมื่อพวกมันตาย เปลือกเหล่านี้ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชายหาดที่สวยงาม ความสำคัญของ Star Sand: ข้อควรระวัง: Star Sand บนเกาะ Okinawa เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามและมีความสำคัญทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว หากมีโอกาสได้ไปเยือน Okinawa อย่าลืมไปชมความงามของ Star […]

Beachlover

October 9, 2024

ทรายทะเล ใช้ในงานก่อสร้างได้หรือไม่?

ทรายทะเลแม้มีอยู่มากมายตามชายฝั่ง แต่การนำมาใช้ในงานก่อสร้างจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีข้อจำกัดสำคัญที่อาจส่งผลต่อคุณภาพและความทนทานของโครงสร้าง ปัญหาจากเกลือ: เกลือที่แทรกซึมอยู่ในทรายทะเลเป็นอุปสรรคสำคัญ เกลือเหล่านี้เมื่อทำปฏิกิริยากับความชื้นและเหล็กเสริมภายในคอนกรีต จะก่อให้เกิดสนิมและการกัดกร่อน ทำให้โครงสร้างอ่อนแอลงในระยะยาว อาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ทรายทะเลโดยไม่ผ่านกระบวนการล้างเกลืออย่างเหมาะสม อาจประสบปัญหาแตกร้าว ผุพัง หรือทรุดตัวก่อนเวลาอันควร ขนาดและสิ่งเจือปน: ทรายทะเลมีลักษณะเฉพาะ คือมีขนาดเม็ดทรายที่ละเอียดกว่าทรายแม่น้ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต นอกจากนี้ ทรายทะเลยังอาจมีสิ่งเจือปนอื่น ๆ เช่น เศษเปลือกหอย ซากปะการัง หรือสารอินทรีย์ ซึ่งอาจลดคุณภาพของคอนกรีตลง หากไม่ผ่านกระบวนการคัดแยกและทำความสะอาดอย่างดี การใช้งานที่จำกัด: แม้จะมีข้อจำกัด แต่ทรายทะเลที่ผ่านการล้างเกลือและคัดแยกสิ่งเจือปนอย่างเหมาะสม ก็ยังสามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างบางประเภทได้ เช่น งานถมดิน งานปรับพื้นที่ หรืองานคอนกรีตที่ไม่ได้รับน้ำหนักมาก อย่างไรก็ตาม การใช้ทรายทะเลในงานโครงสร้างหลักที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น เสา คาน หรือพื้น อาจไม่เหมาะสมนัก ทางเลือกและข้อควรระวัง: ก่อนตัดสินใจใช้ทรายทะเล ควรพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ เช่น ทรายแม่น้ำ หรือทรายบดจากหิน ซึ่งอาจมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานก่อสร้างมากกว่า นอกจากนี้ การนำทรายทะเลมาใช้อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การกัดเซาะชายฝั่ง หรือทำลายระบบนิเวศทางทะเล ดังนั้น ควรคำนึงถึงผลกระทบเหล่านี้และปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยสรุปคือทรายทะเลสามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการเตรียมทรายที่เหมาะสม และพิจารณาข้อจำกัดในการใช้งานอย่างรอบคอบ

Beachlover

October 5, 2024

หาดแบบไหนที่ปูลมชอบ

ปูลม หรือ Ghost crab เป็นปูทะเลขนาดเล็กในสกุล Ocypode อยู่ในวงศ์ Ocypodidae อันเป็นวงศ์เดียวกันกับปูก้ามดาบด้วย ปูลมมักถูกจำสับสนกับปูทหาร ซึ่งอยู่ในสกุล Mictyris ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ปูลมจะมีลำตัวที่ใหญ่กว่ามาก และมีกระดองเป็นรูปสี่เหลี่ยม ปูลมจะไม่ปั้นทรายเป็นก้อนเหมือนปูทหาร แต่จะใช้ก้ามคีบอาหารจำพวกซากพืช ซากสัตว์ และอินทรีย์สารต่าง ๆ เข้าปาก ปูลม เป็นสัตว์ที่น่าสนใจ มีลักษณะเด่นคือกระดองสีขาวหรือสีทรายกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ช่วยให้พรางตัวจากศัตรูได้ดี พวกมันมีขาที่แข็งแรงและว่องไว เหมาะสำหรับการขุดรูและวิ่งบนพื้นทราย ปูลมเป็นนักวิ่งที่เร็วมาก สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 4 เมตรต่อวินาที ปูลมมีขาเดินทั้งหมด 4 คู่ ปูลมจะวิ่งหรือเดินทางด้านข้าง เวลาวิ่งด้วยความเร็วสูง ปูลมจะใช้ขาคู่ที่ 1 และคู่ที่ 4 วิ่งเท่านั้น และยิ่งตกใจมากก็จะวิ่งเร็วมากเท่านั้น ปูลมจะผสมพันธุ์โดยอาศัยอิทธิพลของดวงจันทร์ เมื่อผสมพันธุ์แล้วตัวเมียจะอยู่ในหลุมสักพักรอให้ไข่ได้รับการพัฒนา และเมื่อน้ำขึ้นสูงตัวเมียจะออกจากหลุม และเมื่อน้ำซัดเข้าหาตัวก็จะยกตัวขึ้น-ลงแรงๆเพื่อสะบัดไข่ให้ลอยออกไปในทะเล ปูลมมักเลือกอาศัยตามชายหาดที่มีลักษณะเฉพาะตัว หาดทรายละเอียดเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะปูลมใช้ก้ามขุดรู เพื่อหลบภัยและวางไข่ ทรายที่ละเอียดจะอ่อนนุ่มและง่ายต่อการขุด นอกจากนี้ หาดทรายละเอียดมักมีน้ำท่วมไม่ถึง ทำให้ปูลมสามารถสร้างรูที่ปลอดภัยและคงทนได้ ความสะอาดของชายหาดก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน […]

Beachlover

September 25, 2024

หาดทรายดำเกิดจากอะไร

หาดที่มีทรายสีดำเกิดจากการสะสมของแร่ธาตุภูเขาไฟ โดยเฉพาะแร่ธาตุที่มีสีเข้ม เช่น แร่แมกนีไทต์ (Magnetite) และแร่หินบะซอลต์ (Basalt) ที่ถูกกระแสน้ำและคลื่นทะเลพัดพามาสะสมอยู่ที่ชายหาด นอกจากนี้ การเกิดภูเขาไฟระเบิดหรือการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเลก็สามารถสร้างหาดทรายสีดำได้เช่นกัน ตัวอย่างหาดที่มีทรายสีดำที่มีชื่อเสียงคือ หาดปุนาลูในฮาวาย (Punaluu Beach) และหาดวิกในไอซ์แลนด์ (Vik Beach) ตัวอย่างที่แสดงในภาพคือหาดทรายสีดำบนเกาะ Lombok ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดจากลักษณะเดียวกันนี้ โดยมีต้นกำเนิดจากภูเขาไฟที่มีอยู่มากมายในภูมิภาคนี้ เกาะ Lombok มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ เช่น ภูเขาไฟ Rinjani ซึ่งการระเบิดของภูเขาไฟเหล่านี้นำไปสู่การสะสมของแร่ธาตุภูเขาไฟที่มีสีดำ เช่น แมกนีไทต์และบะซอลต์ในทรายชายหาด หาดทรายสีดำใน Lombok จึงเป็นผลมาจากการพังทลายของหินภูเขาไฟและการสะสมของแร่ธาตุที่ถูกกระแสน้ำและคลื่นพัดพามาที่ชายหาดนี้ ทรายสีดำโดยทั่วไปไม่มีผลเสียต่อผิวหนังของผู้ที่สัมผัส ในบางกรณี ทรายสีดำอาจมีแร่ธาตุบางชนิดที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น การช่วยขัดผิว หรือมีคุณสมบัติในการบำบัด แต่ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของทรายและแร่ธาตุในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในกรณีดังนี้: น้ำทะเลบริเวณหาดทรายสีดำมักไม่เป็นสีดำ น้ำทะเลยังคงมีสีฟ้า สีเขียว หรือสีใสตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับสภาพของน้ำทะเลและการสะท้อนของแสงจากท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลอาจดูคล้ำหรือมืดขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองจากบางมุม เนื่องจากการสะท้อนของทรายสีดำใต้ทะเล ปัจจัยที่ทำให้น้ำทะเลยังคงใสและมีสีตามธรรมชาติมีหลายประการ เช่น: ดังนั้น น้ำทะเลบริเวณหาดทรายสีดำยังคงมีสีใสหรือฟ้าตามปกติ […]

Beachlover

September 11, 2024

รูบนหาดทราย เกิดจากอะไร

รูบนหาดทรายนั้นเปรียบเสมือนปริศนาเล็กๆ ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ซึ่งมีที่มาที่ไปได้หลากหลายและน่าสนใจทีเดียว ดังนั้น ก่อนจะสรุปว่ารูบนหาดทรายเกิดจากอะไร เราควรพิจารณาถึงลักษณะของรู ตำแหน่งที่พบ รวมถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อไขปริศนาที่มาของรูนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและสนุกสนานไปกับการเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัวเรา

Beachlover

August 21, 2024

ทำไมเม็ดทรายบนชายหาด จึงแตกต่างกัน

เม็ดทรายบนชายหาดมีความหลากหลายอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง สีสัน หรือองค์ประกอบทางเคมี ล้วนแตกต่างกันไปตามที่มาและเรื่องราวการเดินทางอันยาวนาน เริ่มต้นจากต้นกำเนิด เม็ดทรายส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นจากการผุพังของหินแข็ง ไม่ว่าจะเป็นหินแกรนิตที่ให้ทรายเนื้อหยาบสีอ่อน หินบะซอลต์ที่ให้ทรายสีเข้ม หรือหินปูนที่ให้ทรายสีขาวละเอียด นอกจากนี้ยังมีทรายที่เกิดจากการสลายตัวของซากปะการังและเปลือกหอย ซึ่งมักพบในเขตร้อนและมีสีขาวสะอาดตา บางครั้งทรายยังอาจมีแร่ธาตุอื่นๆ ปนอยู่ เช่น ควอตซ์ที่ทำให้ทรายเป็นประกายระยิบระยับ หรือแร่เหล็กที่ทำให้ทรายมีสีแดงอมน้ำตาล เมื่อหินผุพังกลายเป็นเม็ดทราย การเดินทางของพวกมันก็เริ่มต้นขึ้น คลื่นทะเลเป็นผู้เล่นหลักในการกัดเซาะและพัดพาทรายไปตามชายฝั่ง คลื่นแรงจะพัดพาเม็ดทรายขนาดใหญ่ได้ดีกว่า ทำให้ทรายหยาบมักพบในบริเวณที่คลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ในขณะที่ทรายละเอียดจะถูกพัดพาไปไกลกว่าและสะสมตัวในบริเวณที่สงบกว่า กระแสน้ำในทะเลและแม่น้ำก็มีส่วนสำคัญในการพัดพาทรายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้ทรายจากแหล่งต่างๆ มาผสมปนเปกัน แม้กระทั่งลมก็สามารถพัดพาเม็ดทรายขนาดเล็กไปได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ธรรมชาติยังมีกลไกในการคัดแยกขนาดของเม็ดทรายอีกด้วย การขึ้นลงของน้ำทะเลทำให้เกิดการคัดขนาดตามธรรมชาติ เม็ดทรายขนาดใหญ่จะตกตะกอนก่อนเมื่อคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ในขณะที่เม็ดทรายขนาดเล็กจะถูกพัดพากลับลงทะเลไปพร้อมกับคลื่นที่ไหลกลับ ความลาดชันของชายหาดก็มีผลต่อการคัดขนาดเช่นกัน ชายหาดที่ลาดชันจะทำให้คลื่นมีพลังในการพัดพาเม็ดทรายขนาดใหญ่ได้ดีกว่าชายหาดที่ราบเรียบ นอกจากปัจจัยทางธรรมชาติแล้ว กิจกรรมของมนุษย์ก็มีส่วนทำให้เม็ดทรายบนชายหาดมีความหลากหลายมากขึ้น การสร้างเขื่อนหรือกำแพงกันคลื่นสามารถเปลี่ยนแปลงการไหลของกระแสน้ำและคลื่น ส่งผลต่อการกระจายตัวของทรายตามธรรมชาติ ในบางพื้นที่ การขุดทรายเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างหรือการถมทะเลก็ทำให้ชายหาดบางแห่งมีทรายลดน้อยลง หรือมีขนาดของเม็ดทรายเปลี่ยนแปลงไป ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ทำให้เม็ดทรายบนชายหาดแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันอย่างน่าสนใจ หากลองสังเกตและสำรวจดู จะพบว่าแต่ละเม็ดทรายต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อ

Beachlover

July 29, 2024