Rip current หรือที่เรียกกันว่า “กระแสน้ำกินคน” “คลื่นทะเลดูด” หรือ “กระแสน้ำย้อนกลับ” เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นกระแสน้ำที่ไหลแรงและเร็ว มุ่งหน้าออกจากฝั่งสู่ทะเล ซึ่งอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อนักท่องเที่ยวและผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล
Rip current เกิดจากการที่คลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง แล้วไหลกลับออกสู่ทะเล แต่ถูกสิ่งกีดขวาง เช่น แนวสันทราย หรือโขดหิน ทำให้น้ำทะเลไหลรวมกันผ่านช่องแคบๆ ระหว่างสิ่งกีดขวางเหล่านั้น เกิดเป็นกระแสน้ำที่ไหลแรงออกจากฝั่ง ลองนึกภาพเหมือนเรากำลังบีบน้ำออกจากฟองน้ำผ่านรูเล็กๆ น้ำจะพุ่งออกจากรูด้วยความแรง Rip current ก็มีลักษณะคล้ายกัน
ลักษณะของ Rip current:
- ช่องทางน้ำแคบๆ: Rip current มักมีลักษณะเป็นช่องทางน้ำแคบๆ ที่ไหลออกจากฝั่ง อาจมีความกว้างตั้งแต่ไม่กี่เมตรไปจนถึงหลายสิบเมตร
- สีเข้มและความลึก: บริเวณที่มี Rip current มักมีสีเข้มกว่าบริเวณรอบๆ เนื่องจากน้ำที่ไหลออกมักพัดพาทรายออกไปด้วย ทำให้บริเวณนั้นมีความลึกมากกว่า ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ไม่ทันระวังตกใจและเกิดอันตรายได้
- ตำแหน่งไม่แน่นอน: Rip current อาจเกิดขึ้นบริเวณชายหาดที่มีคลื่นแรง และอาจเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับสภาพของคลื่นและสิ่งกีดขวางใต้น้ำ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสังเกตสภาพชายหาดและสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนลงเล่นน้ำ

อันตราย:
- แรงพัดพาสูง: Rip current มีความแรงมาก สามารถพัดพาคนออกไปสู่ทะเลลึกได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่นักว่ายน้ำที่แข็งแรงก็อาจไม่สามารถต้านทานได้ หากว่ายทวนกระแสน้ำโดยตรงจะทำให้หมดแรงและอาจจมน้ำได้
- ความตื่นตระหนก: เมื่อถูก Rip current พัดพา หลายคนอาจเกิดความตื่นตระหนกและพยายามว่ายทวนกระแสน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ การตั้งสติและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการเอาตัวรอด
วิธีเอาตัวรอดจาก Rip current:
- ตั้งสติ: สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ อย่าตกใจ
- อย่าว่ายทวนกระแส: อย่าพยายามว่ายทวนกระแสน้ำโดยตรง เพราะจะทำให้หมดแรง
- ว่ายขนานกับฝั่ง: ว่ายขนานกับชายฝั่ง เพื่อออกจากแนวของ Rip current แล้วค่อยว่ายกลับเข้าฝั่ง
- ลอยตัว: หากไม่สามารถว่ายน้ำออกจาก Rip current ได้ ให้ลอยตัวตามน้ำไปเรื่อยๆ และส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
ข้อควรระวัง:
- สังเกตป้ายเตือน: ก่อนลงเล่นน้ำทะเล ควรสังเกตป้ายเตือน
- เล่นน้ำในเขตปลอดภัย: หากไม่แน่ใจในทักษะการว่ายน้ำ ควรเล่นน้ำในบริเวณที่น้ำตื้น และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล
- แจ้งเจ้าหน้าที่: หากเห็นคนอื่นกำลังประสบปัญหาจาก Rip current ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที และอย่าพยายามช่วยเหลือเองหากไม่แน่ใจ
ในประเทศไทย เกิดที่ไหนบ้าง
Rip current หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “คลื่นทะเลดูด” เป็นปรากฏการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วประเทศไทย สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่า Rip current ไม่ได้เลือกสถานที่เกิด แต่เกิดขึ้นได้ทุกที่ที่มีคลื่นแรง และมีสิ่งกีดขวางใต้น้ำ เช่น แนวสันทราย หรือโขดหิน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสน้ำที่ไหลแรงออกจากฝั่ง
ลองนึกภาพชายหาดที่สวยงาม มีคลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่อง แต่ใต้ผืนน้ำนั้น อาจมีแนวสันทราย หรือโขดหินที่เรามองไม่เห็น เมื่อคลื่นซัดเข้ามาปะทะสิ่งกีดขวางเหล่านี้ น้ำจะถูกบีบให้ไหลรวมกันผ่านช่องแคบๆ ระหว่างสิ่งกีดขวาง เกิดเป็นกระแสน้ำที่ไหลแรงออกจากฝั่ง นี่แหละคือ Rip current หรือคลื่นทะเลดูด
ยกตัวอย่างเช่น หาดกะรน จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากลงเล่นน้ำทะเล แต่ในขณะเดียวกัน หาดกะรนก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่พบ Rip current บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่คลื่นลมแรง สิ่งกีดขวางใต้น้ำ เช่น แนวสันทราย จะเป็นตัวเร่งให้เกิด Rip current ที่ทรงพลัง สามารถพัดพาคนออกไปสู่ทะเลลึกได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากชายฝั่งอันดามันแล้ว ชายฝั่งอ่าวไทยก็มีความเสี่ยงต่อ Rip current เช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ยกตัวอย่างเช่น เกาะช้าง จ.ตราด หาดแม่รำพึง จ.ระยอง หาดทุ่งวัวแล่น จ.ชุมพร ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด แต่ก็มีรายงานการเกิด Rip current อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีคลื่นแรง และมีสิ่งกีดขวางใต้น้ำ
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวทะเลที่ใดในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงของ Rip current และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ก่อนลงเล่นน้ำทุกครั้ง ควรสังเกตป้ายเตือน และเล่นน้ำเฉพาะในบริเวณที่ปลอดภัย หากไม่แน่ใจในทักษะการว่ายน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำในบริเวณที่มีคลื่นแรง