มหาสมุทรเป็นแหล่งทรัพยากรที่กว้างใหญ่และเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการพลังงานของมนุษยชาติในอนาคต พลังงานมหาสมุทรคือการนำพลังงานหมุนเวียนจากคลื่น น้ำขึ้นน้ำลง และความต่างอุณหภูมิในมหาสมุทรมาใช้ บทนี้จะอธิบายแหล่งกำเนิดพลังงานมหาสมุทร วิธีการนำพลังงานนี้มาใช้ และเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาเพื่อต่อยอดศักยภาพอันมหาศาลนี้ แหล่งพลังงานมหาสมุทรหลัก ๆ มีอยู่ 3 ประเภท

1. พลังงานคลื่น (Wave Energy) คลื่นเกิดจากแรงเสียดทานของลมบนผิวน้ำ เมื่อคลื่นเคลื่อนเข้าหาฝั่ง พลังงานจลน์ของคลื่นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานศักย์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ผ่านอุปกรณ์เฉพาะ
2. พลังงานน้ำขึ้นน้ำลง (Tidal Energy) น้ำขึ้นน้ำลงเกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่กระทำต่อมหาสมุทร การขึ้นลงของน้ำสามารถนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าผ่านเขื่อนน้ำขึ้นน้ำลงหรือเครื่องกำเนิดพลังงานกระแสน้ำ
3. พลังงานความต่างอุณหภูมิ (Thermal Gradient Energy) ความต่างอุณหภูมิในมหาสมุทรเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิและความเค็มของน้ำ ความต่างเหล่านี้สามารถนำไปใช้ผลิตความร้อนและแปลงเป็นไฟฟ้าได้

การนำพลังงานมหาสมุทรมาใช้ต้องแปลงพลังงานจลน์จากคลื่น น้ำขึ้นน้ำลง หรือความต่างอุณหภูมิให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถใช้ได้ มีเทคโนโลยีหลายประเภทที่กำลังพัฒนาเพื่อตอบโจทย์นี้ ได้แก่
1. เครื่องแปลงพลังงานคลื่น (Wave Energy Converters) อุปกรณ์เหล่านี้ใช้กังหันหรือกลไกอื่น ๆ ในการจับพลังงานจลน์ของคลื่นแล้วแปลงเป็นไฟฟ้า
2. เขื่อนน้ำขึ้นน้ำลง (Tidal Barrages) เขื่อนขนาดใหญ่ที่สร้างในปากอ่าวหรือปากแม่น้ำเพื่อกักเก็บน้ำและผลิตไฟฟ้าจากการเคลื่อนที่ของน้ำผ่านกังหัน
3. เครื่องกำเนิดกระแสน้ำ (Tidal Stream Generators) อุปกรณ์เหล่านี้ติดตั้งใต้น้ำและใช้กังหันในการจับพลังงานจลน์ของกระแสน้ำ มักติดตั้งบนฐานรากใต้น้ำหรือใช้สายโยงกับพื้นทะเล
4. เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchangers) ใช้ถ่ายเทความร้อนจากความต่างอุณหภูมิในมหาสมุทรไปยังของไหลชนิดที่สอง จากนั้นนำความร้อนนี้ไปขับเคลื่อนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า

แม้ว่าพลังงานมหาสมุทรจะมีศักยภาพมหาศาล แต่ก็มีความท้าทายหลายประการที่ต้องเผชิญ
1. ความท้าทายด้านเทคนิค: สภาพแวดล้อมทางทะเลที่รุนแรงทำให้การออกแบบ เลือกใช้วัสดุ และการบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นเรื่องท้าทาย
2. ต้นทุนและเศรษฐศาสตร์: ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการติดตั้งเทคโนโลยีพลังงานมหาสมุทรยังสูงเมื่อเทียบกับพลังงานฟอสซิล
3. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: ผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและแหล่งที่อยู่อาศัยต้องได้รับการประเมินและจัดการอย่างระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม พลังงานมหาสมุทรมีข้อดีที่สำคัญ ได้แก่
1. พลังงานหมุนเวียน: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
2. ความมั่นคงด้านพลังงาน: สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่มั่นคงและเชื่อถือได้สำหรับชุมชนและอุตสาหกรรมชายฝั่ง
3. การสร้างงาน: การพัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยีพลังงานมหาสมุทรสามารถสร้างโอกาสการจ้างงานในภาคส่วนทางทะเล
พลังงานมหาสมุทรเป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการพลังงานในอนาคต แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ แต่ประโยชน์ของพลังงานมหาสมุทรทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับอนาคตพลังงานที่ยั่งยืนและหมุนเวียน