ที่มา: https://www.facebook.com/groups/NakhonCountry
วันที่ 13 ม.ค. 2568 กระแสคลื่นลมชายฝั่งกำลังแรงส่งผลให้พื้นที่ชายฝั่งทะเล ในพื้นที่อำเภอปากพนัง ได้รับผลกระทบ ชาวประมงต้องรีบนำเรือขึ้นฝั่งเพื่อหนีคลื่น ไม่สามารถออกเรือไปประกอบอาชีพได้ ขณะที่ประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยใกล้บริเวณชายฝั่งในบางพื้นที่ต้องประสบภาวะน้ำทะเลหนุน น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนได้รับความเสียหาย

โดยบรรยายกาศทั่วไปในวันนี้ (13 ม.ค.68) คลื่นลมบริเวณอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่งผลให้พื้นที่บริเวณแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดคลื่นลมแรง ชาวประมงพื้นบ้าน จึงต้องนำเรือขึ้นมาจอดบนฝั่ง ไม่สามารถออกไปทำการประมงได้ เนื่องจากบริเวณทะเลอ่าวไทย มีทั้งคลื่นลมแรง และพายุฝน และประชาชนที่นี่ก็เคยเจอประสบการณ์ ที่ต้องสูญเสียคนที่รัก จากการออกไปทำประมงช่วงมรสุม จึงทำให้ชาวประมงตัดสินใจนำเรือขึ้นจอดบริเวณบนฝั่ง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะ พื้นที่ หมู่ 1 หมู่ที่ 2 และ หมู่ที่ 3 ต.แหลมตะลุมพุก น้ำทะเลได้หนุน เข้าท่วมบริเวณบ้านเรือนประชาชนอยู่อาศัย และไหลท่วม ถนนสายแหลมตะลุมพุก -ปากพนัง-หัวไทร ทำให้การสัญจรค่อนข้างลำบาก จุดบริเวณที่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 3 ตำบลแหลมตะลุมพุก ยังไม่มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ เนื่องจากประชาชนทุกครัวเรือนได้ขนของขึ้นไว้ที่สูงปลอดภัยแล้ว

ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ตำบลแหลมตะลุมพุก หมู่ที่ 1,2,3 จำนวน 750 ครัวเรือน 1,500 คน สำหรับตำบลอื่นยังไม่ได้รับผลกระทบ คาดการณ์ว่าน้ำทะเลจะขึ้นสูงสุดช่วงเวลา 11.00-12.00 น. และจะคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเวลา 15.00 น.

เบื้องต้น นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์คลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอำเภอที่มีพื้นที่เสี่ยงติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ได้กำชับให้นายอำเภอบูรณาการสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทันท่วงที และรายงานเหตุการณ์ให้จังหวัดนครศรีธรรมราชทราบโดยทันที