พายุ กับ มรสุม แตกต่างกันอย่างไร

Beach Lover ลงพื้นที่ชายฝั่งทะเลเพื่อสำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์พายุและลมมรสุมในหลายพื้นที่ และต่อเนื่องยาวนานมาหลายปี เมื่อสอบถามชาวบ้านถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นมักได้คำตอบคล้ายๆกันคือพายุเข้า ทั้งๆที่ในช่วงเวลานั้นไม่มีพายุเข้าประเทศไทยแต่อย่างใด ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากลมมรสุมตามฤดูกาลที่อาจมีกำลังแรงขึ้นกว่าปกติ จึงส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งมากกว่าปกติ จนชาวบ้านคิดว่าคลื่นใหญ่ลมแรงที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายหาดหน้าบ้านคือพายุ

Beach Lover ขอชวนมองความแตกต่างของพายุและมรสุม เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น โดยพายุและมรสุมเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและลม แต่มีความแตกต่างกันในหลายประเด็น:

1. ลักษณะการเกิด:

  • พายุ: เป็นระบบของลมที่หมุนวนอย่างรุนแรง มีศูนย์กลางเป็นบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ พายุสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ เช่น พายุฝนฟ้าคะนอง พายุหมุนเขตร้อน (เช่น ไต้ฝุ่น เฮอริเคน ไซโคลน) พายุหิมะ พายุทราย เป็นต้น
  • มรสุม: เป็นระบบลมขนาดใหญ่ที่พัดประจำฤดู เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างพื้นดินและพื้นน้ำ มรสุมมีสองประเภทหลักคือ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ฤดูร้อน) ซึ่งนำความชื้นและฝนมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ฤดูหนาว) ซึ่งนำอากาศแห้งและเย็นมาจากแผ่นดินใหญ่

2. ขอบเขตและระยะเวลา:

  • พายุ: มักมีขอบเขตจำกัดและระยะเวลาสั้น อาจเกิดขึ้นและสลายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือหลายวัน
  • มรสุม: ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่และมีระยะเวลานานหลายเดือน เป็นรูปแบบลมประจำฤดูที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกปี

3. ผลกระทบ:

  • พายุ: สามารถก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงและฉับพลัน เช่น ลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน พายุหมุนเขตร้อนอาจทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งและความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน
  • มรสุม: มีผลกระทบต่อสภาพอากาศและฤดูกาลในวงกว้าง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้นำฝนมาหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรม แต่ก็อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้เช่นกัน มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือทำให้เกิดฤดูหนาวที่แห้งแล้งและเย็น
ที่มา: https://www.tmd.go.th

สรุปว่า พายุเป็นระบบลมที่หมุนวนรุนแรง เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น และมีผลกระทบรุนแรงในพื้นที่จำกัด ส่วนมรสุมเป็นระบบลมขนาดใหญ่ที่พัดประจำฤดู มีระยะเวลานาน และมีผลกระทบต่อสภาพอากาศและฤดูกาลในวงกว้าง ความเข้าใจลักษณะและความแตกต่างดังกล่าวจะสามารถทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของพายุและมรสุมที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเราได้ และสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้อย่างปลอดภัย