ชายหาด เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า ทั้งในแง่ เศรษฐกิจ (การท่องเที่ยว), สิ่งแวดล้อม (การปกป้องชายฝั่ง) และ วัฒนธรรมการสูญเสียชายหาดเนื่องจากการกัดเซาะ, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, และการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยั่งยืน ส่งผลให้ต้องประเมินมูลค่าเพื่อหาแนวทางอนุรักษ์และบริหารจัดการ
การประเมินมูลค่าชายหาด สามารถวิเคราะห์ได้จากมูลค่าสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ซึ่งมูลค่าประกอบด้วย มูลค่าทางตรงและมูลค่าทางอ้อม เนื่องจากชายหาดเป็นพื้นที่สาธารณะ ที่ไม่มีราคาระบุในตลาดกลาง มูลค่าโดยรวมทางเศรษฐศาสตร์ (Total Economic Value, TEV) แบ่งออกเป็นมูลค่าจากการใช้ (Use value) และมูลค่าจากการไม่ได้ใช้ (Non-use value) โดยที่ค่าจากการใช้ประกอบด้วย มูลค่าที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ทางตรง (Direct use value), มูลค่าที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ทางอ้อม (Indirect use value) และมูลค่าเผื่อจะใช้ (Option value) ส่วนมูลค่าจากการไม่ได้ใช้ ประกอบด้วย มูลค่าจากการคงอยู่ต่อไป (Existence value) และมูลค่าเผื่อลูกหลาน (Bequest value)

การประเมินมูลค่าทรัพยากรธรรมชาติใช้วิธีต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทั้ง มูลค่าทางตรง (direct value) และ มูลค่าทางอ้อม (indirect value) รวมถึงมูลค่าที่ไม่สามารถจับต้องได้ (intangible value) เช่น มูลค่าทางการสันทนาการและความพึงพอใจของมนุษย์ โดยหลักแล้วเราประเมินมูลค่าชายหาดด้วยวิธีทางเศรษฐศาสตร์ได้ดังต่อไปนี้
- Travel Cost Method (TCM)
- ประเมินมูลค่าชายหาดผ่านค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้มาเยือน
- เหมาะสำหรับการประเมินมูลค่าเพื่อการสันทนาการ
- จุดเด่น: เข้าใจง่าย ใช้ข้อมูลที่หาได้ทั่วไป
- ข้อจำกัด: อาจไม่ครอบคลุมมูลค่าทางอ้อม เช่น ระบบนิเวศ
- Contingent Valuation Method (CVM)
- ใช้การสำรวจเพื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับ willingness to pay (WTP) ของผู้คน
- เหมาะสำหรับการประเมินมูลค่าที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง
- จุดเด่น: ครอบคลุมมูลค่าทางอ้อม
- ข้อจำกัด: ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการออกแบบคำถาม
- Hedonic Pricing Method (HPM)
- วิเคราะห์ราคาที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ใกล้ชายหาด
- จุดเด่น: เชื่อมโยงมูลค่าชายหาดกับมูลค่าตลาด
- ข้อจำกัด: ใช้ไม่ได้กับพื้นที่ที่ไม่มีตลาดอสังหาริมทรัพย์ชัดเจน
การเลือกใช้วิธีการใดเพื่อประเมินมูลค่าชายหาด ขึ้นอยู่กับบริบทของชายหาดแต่ละแห่ง ข้อจำกัดของการศึกษา ตลอดจนข้อมูลที่มี การประเมินมูลค่าชายหาดที่ถือว่าเป็นสมบัติของชาติและเป็นทรัพย์สินสาธารณะนั้น เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงนโยบาย การพัฒนาอย่างยั่งยืน และการจัดการชายฝั่งทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ