[ภาพเมื่อ มิ.ย.2563]
Beach Lover ได้นำเสนอเรื่องราวของชายหาดชิงโค จ.สงขลา ไปได้ระยะหนึ่งแล้ว สามารถติดตามได้จากโพส [ https://beachlover.net/หาดหน้าโรงแรมหาดแก้ว/ และ https://beachlover.net/กำแพงกันคลื่น-3-พื้นที่/]
หากใครนั่งเครื่องบินแถว K(ขวาของลำ) แล้วมองลงมาในช่วงที่เครื่องบินกำลังจะหันหัวเปลี่ยนทิศทางเพื่อลงจอดที่สนามบินหาดใหญ่ บริเวณปากทะเลสาบสงขลา จะเห็นเส้นสีฟ้าๆอย่างชัดเจนจากกระจกเครื่องบิน
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_505,h_673/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/IMG_1112-copy-768x1024.jpg)
เส้นสีฟ้าที่เห็นเด่นชัดจากระยะไกลนี้ แท้จริงแล้วคือทางจักรยานริมกำแพงกันคลื่นแห่งใหม่เลียบชายหาดชิงโค คาดว่าท้องถิ่นตั้งใจจะโปรโมทพื้นที่แถบนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ สังเกตว่านอกจากกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันชายฝั่งที่ดูมั่นคงแข็งแรงและอยู่ไปได้ชั่วโคตรแล้ว ยังมีลานจอดรถ ทางเดินบนสันกำแพงและทางจักรยาน
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_555,h_293/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/Screen-Shot-2563-07-20-at-07.11.30-1024x541.png)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_559,h_419/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/IMG_1119-copy-1024x768.jpg)
โครงการนี้ประกอบด้วยสามเฟส ขณะนี้ (ก.ค.2563)ยังไม่แล้วเสร็จ กำลังก่อสร้างในเฟสที่สาม ระยะทาง 990 เมตรด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 109.6 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2564 รวม 18.293 ล้านบาท
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_555,h_341/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/Screen-Shot-2563-07-20-at-07.18.19-1024x629.png)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_1024,h_306/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/unnamed-1024x306.png)
คาดเดาได้ไม่ยากว่า พื้นที่ถัดไปจากปลายกำแพงเมื่อแล้วเสร็จจะเกิดการกัดเซาะตามมา เป็นภาพฉายวนซ้ำเช่นเดียวกันกับจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นนี้ ก็เกิดจากผลกระทบจากการก่อสร้างกำแพงทางทิศใต้เช่นเดียวกัน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก https://beachlover.net/หาดหน้าโรงแรมหาดแก้ว/)
มีท้องถิ่นริมทะเลจำนวนไม่น้อยที่คิด (เอาเอง)ว่า การ “แปลงร่างหาดทรายให้กลายเป็นคอนกรีต” โดยการ “ขลิบ”ชายหาดด้วยกำแพงกันคลื่นพร้อมการปรับภูมิทัศน์นั้น จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวได้ จะสามารถนำรายได้กลับคืนมาสู่ท้องถิ่น
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_240,h_268/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/Screen-Shot-2563-07-20-at-07.17.05-917x1024.png)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_244,h_267/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/Screen-Shot-2563-07-20-at-07.17.46-933x1024.png)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_488,h_279/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2020/07/Screen-Shot-2563-07-20-at-07.11.06-1024x587.png)
ท้องถิ่นอาจอ้างว่า มิอาจปล่อยปละละเลยกับความเสียหายจากการกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดขึ้น (จากกำแพงกันคลื่น) ได้ จนต้องหามาตรการเพื่อป้องกัน โดยหลงลืมไปหรือไม่ว่าต้นเหตุแห่งการกัดเซาะในพื้นที่นี้ก็คือกำแพงกันคลื่นเช่นกัน
คิดต่อเอาเองได้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพื้นที่ถัดไป
คิดออกหรือไม่ว่าพลังของคลื่นที่วิ่งเข้ามาปะทะกำแพงและกระโจนข้ามสันกำแพง จะส่งผลอะไรกับงานปรับภูทัศน์ และเส้นทางปั่นจักรยานสีฟ้าจัดจ้านนี้
คิดหามาตรการอื่นที่ไม่ส่งต่อผลกระทบแบบที่พื้นที่นี้เผชิญมาในอดีตได้หรือไม่
ผู้มีอำนาจเคาะโครงการเหล่านี้ ลองกระโดดออกมามองโดยใช้เลนส์ของประชาชนคนธรรมดาดูบ้าง แบบไม่ต้องใช้หลักวิชาการใดๆมาคิดให้หนักหัว ลองถามตัวเองกันดังๆสิว่า เราอยากไปทะเล เพื่อนั่งบนกำแพงคอนกรีต หรือเราอยากไปทะเลเพื่อลงไปย่ำทราย
หาดแบบไหนกันที่จะดึงดูดผู้คนได้
หาดแบบไหนกันที่คนอยากมานั่งพักผ่อน และ
หาดแบบไหนกันที่เราอยากส่งต่อไปยังรุ่นลูกหลาน