เขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำ (Jetty) ในประเทศไทย

เขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำ (Jetty) ถือเป็นโครงสร้างสำคัญริมทะเล ที่นำมาซึ่งโครงสร้างป้องกันชายฝั่งอีกหลากหลายรูปแบบ เนื่องจาก Jetty จะกีดขวางการเคลื่อนตัวของตะกอนจนส่งผลกระทบให้พื้นที่ถัดไปเกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงจนต้องสร้างโครงสร้างป้องกันต่อๆกันไปอย่างไม่รู้จบในหลายๆพื้นที่

จากการสำรวจโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดของ google earth พบว่า ปากแม่น้ำในประเทศไทยมี jetty แล้วทั้งสิ้นรวม 64 ตำแหน่ง จวบจนถึงปัจจุบันหากเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทย แทบจะหาปากคลองที่ไม่มี jetty ได้ยาก จึงไม่น่าแปลกใจถ้าชายฝั่งทะเลฝั่งอ่าวไทยจะถูกกัดเซาะมากกว่าฝั่งอันดามัน

จริงอยู่ที่ลักษณะเชิงกายภาพของชายฝั่งแถบทะเลอันดามันทำให้ชายหาดแถบนั้นเสถียร กัดเซาะไม่มาก แต่หากฝั่งอันดามันมี jetty ที่ปากแม่น้ำตลอดแนว รับรองว่าแม้ชายฝั่งที่ค่อนข้างเสถียรมีเกาะแก่งเป็นปราการธรรมชาติ ก็กัดเซาะไม่ต่างจากฝั่งอ่าวไทยเป็นแน่  

Jetty ถือเป็นโครงสร้างทางทะเลที่มีนัยสำคัญต่อปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย ศึกษาเพิ่มเติมว่า jetty คืออะไรได้จาก https://beachlover.net/jetty/

เขื่อนกันทรายและคลื่นปากน้ำตะโก ชุมพร [ธันวาคม 2562]

เขื่อนกันทรายและคลื่นปากน้ำตะโก จ.ชุมพร (Jetty) 

ปากน้ำตะโก อยู่ในอำเภอทุ่งตะโก ทิศเหนือของปากน้ำหลังสวน สภาพก่อนการสร้าง jetty นั้น เป็นไปตามภาพ Google earth ในปี 2558

ในปี 2554 กรมเจ้าท่าได้ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นที่ร่องน้ำปากตะโก จังหวัดชุมพร โดยให้เหตุผลความจำเป็นว่า สภาพร่องน้ำประสบปัญหาการตื้นเขิน เนื่องจากในฤดูมรสุมคลื่นลมและกระแสน้ำพัดพาตะกอนดินทรายมาทับถมที่บริเวณปากแม่น้ำจนทำให้เกิดสันดอน ส่งผลให้ชาวประมงที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ ไม่สามารถสัญจรผ่านเข้า-ออกได้สะดวก ปัญหาร่องน้ำตื้นเขินจึงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ ชาวประมงส่วนใหญ่ขาดรายได้ ทำให้ต้องออกไปหางานทำนอกพื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าในระยะสั้น กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จึงได้ดำเนินการขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำอยู่เป็นประจำ แต่ยังไม่สามารถบรรเทาปัญหาร่องน้ำตื้นเขินได้ทันท่วงที ตามความต้องการของประชาชน  เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามหลักวิชาการ เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ มีค่าบำรุงรักษาต่ำ อันเป็นการประหยัดงบประมาณของรัฐบาลในระยะยาว กรมเจ้าท่า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำฯ อันได้แก่ การก่อสร้างท่าเทียบเรือ เขื่อนกันทรายและคลื่น ร่องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมทั้งมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการขนส่งทางน้ำ จึงได้ว่าจ้างคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้มีความชำนาญงานในด้านวิศวกรรมชายฝั่ง เป็นวิศวกรที่ปรึกษา ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่น ที่ร่องน้ำปากตะโก จังหวัดชุมพร ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงจากปัญหาร่องน้ำตื้นเขิน และให้เกิดความปลอดภัยแก่ชาวประมงในพื้นที่ อีกทั้งเป็นการให้ราษฎรที่ประกอบอาชีพประมงมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงอีกทางหนึ่งด้วย (http://www.publicconsultation.opm.go.th/phs/new_phs_proj_view.asp?editId=P531229001)

หลังจากนั้นเริ่มเห็นการก่อสร้างโครงสร้างปากร่องน้ำด้านทิศเหนือของปากน้ำตะโกยาวเกือบ 200 เมตร  ตามภาพในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2560

และดำเนินการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จเมื่อกันยายน 2562 ด้วยงบประมาณ 206.7 ล้านบาท (http://www.publicconsultation.opm.go.th/phs/new_phs_proj_view.asp?editId=P531229001)

ตามแบบรายละเอียดที่ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ออกแบบไว้นั้นปลายสุดของโครงสร้างอยู่ที่ระดับน้ำลึกประมาณ 3 เมตรจากระดับน้ำต่ำสุด ซึ่งเพียงพอต่อการสัญจรของเรือแถบนั้นที่กินน้ำลึกที่สุดไม่เกิน 2.5 เมตร ที่มา: คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2554

พบว่าทิศเหนือของปากน้ำมีโครงสร้างยื่นยาวออกไปถึงสองตัว จากภาพถ่ายมุมสูงเมื่อต้นเดือน ธันวาคม 2562 โดยทีม Beach lover แสดงดังรูป

โครงสร้างปากร่องน้ำลักษณะนี้ไม่พบเห็นที่ปากร่องน้ำอื่นในประเทศไทย ตามปกติแล้วลักษณะของเขื่อนกันคลื่นปากร่องน้ำจะประกอบด้วยโครงสร้างถมหินหรือกำแพงคอนกรีตยื่นยาวออกไปจนถึงร่องน้ำลึก 1 หรือ 2 ด้าน เท่านั้น (ศึกษาเพิ่มเติมได้จากโพสที่เกี่ยวข้องในเวบนี้)

โครงสร้างนี้เพิ่งแล้วเสร็จได้ไม่นาน น่าติดตามต่อว่า ลักษณะของ Jetty ที่ไม่เคยพบเห็นที่ปากแม่น้ำใดมาก่อนรูปแบบนี้ จะมีประสิทธิภาพต่อการเดินเรือ และผลกระทบต่อชายฝั่งใกล้เคียงอย่างไร