การกัดเซาะบริเวณหาดตะโละกาโปร์ จ.ปัตตานี เมื่อเดือนมีนาคม 2564 พอจะวิเคราะห์เบื้องต้นได้จากภาพนี้
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_1024,h_407/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2021/04/Picture1-2-1024x407.jpg)
พื้นที่ลานปูนที่ยื่นล้ำของอาคารทางด้านล่างของภาพ ส่งผลให้เกิดการกัดเซาะทางด้านเหนือของลานปูนนี้ เนื่องจากการเลี้ยวเบนของคลื่นคล้ายอิทธิพลของการเลี้ยวเบนในพื้นที่ถัดจากกำแพงกันคลื่น (https://beachlover.net/seawall/)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_1024,h_768/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2021/04/obe9901fe35ec89b5999fadbdfe0aa195_60668357_210415_0111-1024x768.jpg)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_1024,h_768/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2021/04/obe9901fe35ec89b5999fadbdfe0aa195_60668357_210415_0100-1-1024x768.jpg)
ถัดจากนั้นขึ้นไปทางตอนเหนืออีกเล็กน้อยพบต้นมะพร้าววางขวางลำอยู่ใต้น้ำในมุมที่ค่อนข้างตั้งฉากกับชายฝั่ง วางตัวประหนึ่งรอดักทรายใต้น้ำ (https://beachlover.net/groin/) ส่งผลให้ชายหาดด้านทิศเหนือถัดขึ้นไปเกิดการกัดเซาะแบบเว้าแหว่ง
หากการกัดเซาะในพื้นที่หาดตะโละกาโปร์เกิดตามธรรมชาติโดยแท้ เราจะเห็นการกัดเซาะในลักษณะของการกินระยะที่ค่อนข้างเท่ากันในหาดเดียวกัน แต่จากภาพที่ปรากฏพบว่า เกิดการเว้าแหว่งของชายหาดเป็นจุดๆเฉพาะตำแหน่ง ในขณะที่ชายหาดส่วนถัดไปทางตอนเหนือยังคงสมบูรณ์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต้องมีตัวกระตุ้นบางอย่างที่ส่งผลให้ชายหาดเกิดการกัดเซาะแบบไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เห็นดังภาพอาจแตกต่างกันไปตามทิศทางของคลื่นลม บางฤดูกาลเราอาจไม่เห็นอิทธิพลของโครงสร้างที่ยื่นล้ำนี้ได้อย่างเด่นชัด ในขณะที่บางฤดูกาลโครงสร้างนี้เองที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งอย่างมีนัยสำคัญ