การแทรกตัวของน้ำเค็ม (Saltwater intrusion) บริเวณปากแม่น้ำ คือ ปรากฏการณ์ที่น้ำเค็มจากทะเลไหลย้อนขึ้นมาในแม่น้ำ ทำให้พื้นที่บริเวณปากแม่น้ำมีปริมาณความเค็มของน้ำสูงขึ้นกว่าปกติ โดย Beach Lover ได้เคยนำเสนอไว้แล้วในโพส https://beachlover.net/saltwater-intrusion/
ครั้งนี้ขอกล่าวถึงเฉพาะการลดผลกระทบจากการแทรกตัวของน้ำเค็มบริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้มาตรการที่หลากหลายและบูรณาการ ทั้งแบบใช้โครงสร้างและไม่ใช้โครงสร้าง ดังนี้
มาตรการใช้โครงสร้าง
- การสร้างสิ่งกีดขวาง:
- เขื่อนหรือประตูระบายน้ำ: เพื่อป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มเข้ามาในแม่น้ำ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่น้ำจืดมีปริมาณน้อย
- ระบบผันน้ำ: เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำจืดในแม่น้ำและดันน้ำเค็มออกไป
- การก่อสร้างระบบชลประทาน: เพื่อควบคุมการใช้น้ำจืดอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการสูบน้ำใต้ดิน ซึ่งอาจทำให้ปัญหาน้ำเค็มรุนแรงขึ้น
- การเติมน้ำใต้ดิน: เพื่อเพิ่มแรงดันน้ำใต้ดินและป้องกันการรุกของน้ำเค็ม
มาตรการไม่ใช้โครงสร้าง
- การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ:
- การจัดสรรน้ำ: ควบคุมการใช้น้ำจืดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม
- การกำหนดเขตพื้นที่: กำหนดเขตพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมกับสภาพน้ำ เพื่อลดความต้องการน้ำจืด
- การส่งเสริมการใช้น้ำอย่างประหยัด: รณรงค์ให้ประชาชนและภาคส่วนต่างๆ ใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า
- การอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลน: ป่าชายเลนทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันการรุกของน้ำเค็มตามธรรมชาติ และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ
- การติดตามและเฝ้าระวัง: ติดตามสถานการณ์การรุกของน้ำเค็มอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถคาดการณ์และรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เช่น
- การปรับเปลี่ยนชนิดพืช: ปลูกพืชที่ทนต่อความเค็มได้ดี
- การบำบัดน้ำเค็ม: แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหา
สิ่งสำคัญคือการบูรณาการมาตรการต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการลดผลกระทบจากการแทรกตัวของน้ำเค็มบริเวณปากแม่น้ำ