เราวิเคราะห์การรุกตัวของน้ำเค็มบริเวณปากแม่น้ำกันอย่างไร

Beach Lover ได้เคยนำเสนอ ปัญหาการแทรกตัวของเค็มบริเวณปากแม่น้ำ และ มาตรการลดผลกระทบไปแล้ว ตามอ่านได้จากโพสเดิม หรือ Click ที่ Link ได้เลย ครั้งนี้ขอนำเสนอการวิเคราะห์การรุกตัวของน้ำเค็มในบริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งนับว่าเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อให้เข้าใจถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลและวางแผนการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสรุปเราสามารถดำเนินการศึกษาตามลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. สำรวจและเก็บข้อมูล: การลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ โดยจะทำการวัดค่าความเค็มของน้ำในแม่น้ำ ณ จุดต่างๆ และในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เช่น ช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง เพื่อดูความผันผวนของความเค็มตามระยะทางจากทะเลและตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังวัดระดับน้ำและอัตราการไหลของน้ำ เพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างระดับน้ำในแม่น้ำและทะเล รวมถึงปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงมา ซึ่งมีผลต่อการรุกตัวของน้ำเค็ม ตัวอย่างเช่น หากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น หรือปริมาณน้ำจืดที่ไหลลงมาน้อยลง ก็อาจทำให้เกิดการรุกตัวของน้ำเค็มได้มากขึ้น 2. แบบจำลองทางคณิตศาสตร์: การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ช่วยให้เราสามารถทำนายการรุกตัวของน้ำเค็มภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ได้ เช่น หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำทะเล นอกจากนี้ แบบจำลองยังช่วยให้เราเข้าใจถึงกลไกการเคลื่อนที่ของน้ำเค็มในแม่น้ำ เช่น การกระจายตัวของเกลือในแนวดิ่งและแนวราบ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการออกแบบมาตรการป้องกัน 3. เทคโนโลยี Fernerkundung: การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและระบบ GPS ช่วยให้เราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแนวป้องกันธรรมชาติที่สำคัญต่อการรุกตัวของน้ำเค็ม นอกจากนี้ GPS ยังช่วยในการระบุตำแหน่งที่แม่นยำในการเก็บตัวอย่างน้ำ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการสร้างแผนที่แสดงการกระจายตัวของความเค็มในแม่น้ำ 4. […]

Beachlover

September 2, 2024

เราวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลกันอย่างไร

การตรวจวัดการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล (SLR) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคนิคและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุม วิธีการดั้งเดิมเช่นเครื่องวัดน้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งวัดระดับน้ำทะเลที่สัมพันธ์กับเปลือกโลก มักประสบปัญหาความท้าทาย เช่น การเกิดตะไคร่ ความเสียหายจากปัจจัยแวดล้อม และค่าบำรุงรักษาที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีข้อมูลน้อย เช่น แอนตาร์กติกา อาร์กติก และแอฟริกา โดยทั่วไป การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ อย่างไรก็ตาม มีวิธีการตรวจสอบที่ละเอียดมากขึ้น เช่น กล้องไทม์แลปส์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบสนองต่อ SLR โดยจับการเปลี่ยนแปลงในแนวดิ่งของระดับน้ำทะเลด้วยความไว 1 ซม.  วิธีนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระยะสั้นและระยะยาว โดยให้ข้อมูลที่สำคัญสำหรับการวางแผนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อตอบสนองต่อ SLR นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบต้นแบบเครื่องวัดระดับน้ำขึ้นน้ำลงที่ใช้พลังงานหมุนเวียนซึ่งต้องบำรุงรักษาต่ำ เพื่อตรวจสอบทั้งการเคลื่อนตัวของพื้นดินและระดับน้ำทะเลโดยใช้เทคนิคใหม่ เช่น GNSS-IR บนพื้นดิน ระบบเหล่านี้กำลังดำเนินการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและกำลังขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆ เช่น โคลอมเบีย ซึ่งมีศักยภาพที่จะเป็นมาตรฐานระดับโลกผ่านชุมชน GLOSS โดยสรุป การตรวจสอบการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างวิธีการแบบดั้งเดิมและวิธีการแบบใหม่ รวมถึงเครื่องวัดน้ำขึ้นน้ำลง GNSS-IR การวัดระดับความสูงด้วยดาวเทียม และกล้องไทม์แลปส์ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ แบบเรียลไทม์ และครอบคลุม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เราได้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล เพื่อวางแผนบรรเทาผลกระทบของ SLR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ […]

Beachlover

August 28, 2024

วิศวกรชายฝั่งทะเล มีหน้าที่อะไร

วิศวกรชายฝั่งทะเล เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้มีความมั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน โดยนำความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมทางทะเลที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วิศวกรชายฝั่งทะเล มีหน้าที่หลักในการออกแบบ วางแผน และดูแลโครงสร้างและระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชายฝั่งทะเล เพื่อปกป้องชายฝั่งจากการกัดเซาะ พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้มีความมั่นคงและยั่งยืน รวมถึงจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมชายฝั่งทะเล: หน้าที่ของวิศวกรชายฝั่งทะเล ครอบคลุมตั้งแต่การสำรวจและวิเคราะห์สภาพชายฝั่งอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อชายฝั่ง เช่น กระแสน้ำ คลื่น ลม พายุ และการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การสำรวจด้วยเสียง การสำรวจด้วยภาพถ่ายทางอากาศ และแบบจำลองคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างข้อมูลที่แม่นยำและครบถ้วน จากข้อมูลที่ได้ วิศวกรชายฝั่งจะทำการออกแบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับสภาพชายฝั่งนั้นๆ เพื่อป้องกันการกัดเซาะและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตัวอย่างโครงสร้างที่วิศวกรชายฝั่งอาจออกแบบ เช่น กำแพงกันคลื่น (Seawall) ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันชายฝั่งจากคลื่นแรง รอดักทราย (Groin) ที่ช่วยดักทรายและป้องกันการพังทลายของชายหาด หรือเขื่อนกันคลื่นใต้น้ำ (Submerged Breakwater) ที่ช่วยลดความแรงของคลื่นก่อนเข้าถึงชายฝั่ง นอกจากการออกแบบโครงสร้างป้องกันแล้ว วิศวกรชายฝั่งยังมีบทบาทในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การออกแบบท่าเรือน้ำลึกสำหรับการขนส่งสินค้า การสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลเพื่อการเกษตร หรือการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่ง โดยสรุปแล้วหน้าที่หลักของวิศวกรชายฝั่งทะเลมีดังต่อไปนี้: การทำงานของวิศวกรชายฝั่งทะเล ไม่ได้จบแค่การออกแบบและก่อสร้าง […]

Beachlover

July 27, 2024

แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล

แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น คลื่น กระแสน้ำ และการกระทำของมนุษย์ ซึ่งมีความหลากหลายและสามารถแบ่งประเภทตามวิธีการศึกษาและวัตถุประสงค์ได้ดังนี้ การเลือกใช้แบบจำลองขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการศึกษา ข้อมูลที่มีอยู่ และทรัพยากรที่สามารถจัดสรรได้ การทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละแบบจำลอง จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้แบบจำลองได้อย่างเหมาะสม และนำไปสู่การจัดการชายฝั่งที่ยั่งยืน

Beachlover

July 16, 2024

หลักการของแบบจำลอง GENESIS

แบบจำลอง GENESIS เป็นแบบจำลองที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย อาทิ Kraus (1984) ใช้แบบจำลองในการจำลองเปลี่ยนแปลงชายฝั่งของชายหาด Oarai ประเทศญี่ปุ่น, Rao (2009) ได้ดำเนินการศึกษาการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งและปริมาณการเคลื่อนที่ของตะกอนชายฝั่งซึ่งได้รับผลกระทบจากการสร้าง   ท่าเทียบเรือและเขื่อนกันคลื่น โดยใช้แบบจำลอง GENESIS ในการวิเคราะห์อัตราการเคลื่อนที่ของตะกอนตามแนวชายฝั่ง โดยประยุกต์ใช้กับหาด Ennore ประเทศอินเดีย และ Lima and Carlos (2019) ได้ประยุกต์ใช้แบบจำลองที่หาด Praia da Gaivina ประเทศโปรตุเกส ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ในประเทศไทยมีการนำมาประยุกต์ใช้ในหลายพื้นที่ อาทิ สุวิมล แซ่โง่ว (2537) ใช้แบบจำลอง GENESIS ซึ่งเป็นแบบจำลองเปลี่ยนแปลงชายฝั่งแบบมิติเดียว (One-line model) ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งอันเกิดจากอิทธิพลของโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ในพื้นที่ชายฝั่ง บริเวณแหลมตาชี จังหวัดปัตตานี สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย(2538) ได้ทำการศึกษาลักษณะและปริมาณการเคลื่อนที่ของตะกอนชายฝั่ง โดยประยุกต์ใช้แบบจำลอง GENESIS กับพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดชลบุรี, วันชัย จันทร์ละเอียด (2548) ได้ใช้แบบจำลอง GENESIS ในการประเมินการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งโดยมีการสอบเทียบและสอบทานแบบจำลองโดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศในพื้นที่ชายฝั่ง บริเวณช่วงบ้านตันหยงเปาว์ถึงบ้านบางตาวา จังหวัดปัตตานี จิรวัฒน์ กณะสุต และคณะ (2555) ใช้แบบจำลอง GENESIS ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลบริเวณชายหาดบ้านบางสัก จังหวัดพังงา  และ ชลวัฒน์ ปัญญา และ สมฤทัย ทสะดวก (2562) ได้ประยุกต์ใช้แบบจำลองที่หาดพระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้ในการศึกษาการปรับปรุงวิธีการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล  แบบจําลอง GENESIS ถูกออกแบบมาเพื่อใช้วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งในระยะยาวซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการเคลื่อนตัวของตะกอนชายฝั่ง แบบจำลองนี้ยังสามารถใช้วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการก่อสร้างโครงสร้างบริเวณชายฝั่ง (Coastal structures) และการเสริมทรายบริเวณชายหาด (Beach nourishment) ได้ด้วยข้อมูลที่ใช้นำเข้าในแบบจำลอง ได้แก่ ข้อมูลคลื่นนอกชายฝั่ง ลักษณะ รูปร่างของชายหาด รายละเอียดของโครงสร้างชายฝั่ง การถมทรายบริเวณชายหาด เป็นต้น โดยให้ผลการคำนวณเป็นเส้นชายฝั่งในอนาคต […]

Beachlover

September 3, 2022