บ้านโคกสักอยู่บริเวณทิศเหนือของปากคลองสะกอม จ.สงขลา เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำสะกอม จนชาวบ้านที่นี่ลุกขึ้นมาใช้สิทธิที่ตนเองพึงมีเมื่อมกราคมปี 2551 เพื่อฟ้องร้องกรมเจ้าท่าในฐานะเจ้าของโครงการเขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้ำสะกอมที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปตั้งแต่ปี 2541 นับจนถึงมกราคม 2465 นี้ครบรอบ 14 ปีพอดีหลังจากเรื่องราวนี้ได้ถูกนำขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_1024,h_403/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2022/01/Screen-Shot-2565-01-01-at-12.15.00-1024x403.png)
ติดตามเรื่องราวของคดีสะกอม ซึ่งถือเป็นคดีชายหาดประวัติศาสตร์คดีแรกของประเทศไทยที่ประชาชนลุกขึ้นมาใช้สิทธิฟ้องร้องการดำนินงานของรัฐได้จาก https://beachlover.net/คดีสะกอม-จ-สงขลา/ และผลการนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกของศาลปกครองสูงสุดได้ที่ https://beachlover.net/นั่งพิจารณาคดีครั้งแรก-ตุลาการผู้แถลงคดีศาลปกครองสูงสุด-กรณีเขื่อนกันคลื่นหาดสะกอม/ รวมถึงหนังสือเรื่องคดีชายหาดทั้ง 4 คดีได้จาก https://beachlover.net/การฟ้องคดีปกครอง/
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_750,h_562/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2022/01/IMG_5746.jpg)
Beach Lover ขอพาไปชมสภาพจริงของสันทรายชายหาดบ้านโคกสักในเดือนธันวาคม 2564 พื้นที่บริเวณนี้ถือเป็นสันทรายโบราณอายุมากกว่า 6000 ปี ต่อเนื่องตลอดแนวริมทะเลแถบนี้เรื่อยไปจนถึงบ้านสวนกง ไปจนถึงทางทิศใต้ของปากน้ำนาทับ
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_847,h_635/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2022/01/IMG_5743.jpg)
สันทรายนี้ดูเผินๆเหมือนหินหรือวัสดุอะไรสักอย่างที่แข็งคล้ายหิน แต่อันที่จริงที่เราเห็นทั้งหมดนี้คือทรายที่ถูกทับถมมาอย่างเนิ่นนานจนแข็งคล้ายหิน มีสีสันและความหนาของแต่ละชั้นทรายที่แตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมในช่วงเวลานั้นๆ อย่างชัดเจนมาก
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_847,h_635/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2022/01/IMG_5745.jpg)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_lossy,ret_img,w_688,h_917/https://beachlover.net/wp-content/uploads/2022/01/IMG_5747.jpg)
สันทรายโบราณลักษณะนี้มิได้พบเห็นมากนักในประเทศไทย อันที่จริงควรเป็นทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ควรถูกอนุรักษ์หวงแหนไว้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพื้นที่บริเวณนี้และยาวต่อเนื่องไปจนถึงทิศใต้ของปากน้ำนาทับคือการถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องจากโครงการพัฒนาของภาครัฐและเอกชน
ขอร่วมติดตามอย่างใจเย็นกันต่อไปถึงการดำรงอยู่ของสันทรายโบราณแถบนี้