เราใช้ทรายจากแม่น้ำมาเติมชายหาดได้ไหม

การใช้ทรายแม่น้ำสำหรับการเติมทรายชายหาดอาจดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในบางกรณี แต่ก็มีทั้ง ข้อดี และ ข้อเสีย ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนี้ ข้อดีของการใช้ทรายแม่น้ำ ข้อเสียของการใช้ทรายแม่น้ำ กล่าวโดยสรุปได้ว่า (1) การใช้ทรายแม่น้ำอาจเหมาะสมในกรณีที่ พื้นที่นั้นมีรทรายแม่น้ำในปริมาณมากและอยู่ใกล้กับชายหาด (2) การเติมทรายเป็นโครงการชั่วคราวหรือเร่งด่วน เช่น การฟื้นฟูชายหาดหลังพายุ (3) ควรมีการผสมทรายแม่น้ำกับทรายทะเลเดิมเพื่อปรับสมดุลขนาดเม็ดทราย อย่างไรก็ตาม หากชายหาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีความจำเป็นต้องคงลักษณะชายฝั่งธรรมชาติ การใช้ทรายทะเลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว

Beachlover

February 5, 2025

ควรใช้ทรายหยาบหรือทรายละเอียด เพื่องานเติมทรายป้องกันชายฝั่งหาดท่องเที่ยว

การเลือกใช้ทรายหยาบหรือทรายละเอียดสำหรับการเติมทรายชายหาดท่องเที่ยวเพื่อป้องกันชายฝั่ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของชายหาดและวัตถุประสงค์ของการเติมทราย ดังนี้: 1. ทรายหยาบ (Coarse Sand) ข้อดี: ข้อเสีย: 2. ทรายละเอียด (Fine Sand) ข้อดี: ข้อเสีย: ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกทราย โดยสรุปแล้ว สำหรับชายหาดท่องเที่ยวที่ต้องการความสวยงามและการป้องกันชายฝั่ง เราควรใช้ ทรายหยาบ เป็นชั้นฐานล่าง (underlayer) เพื่อให้ชายหาดคงทนและลดการกัดเซาะ และใช้ ทรายละเอียด เป็นชั้นผิวหน้า (surface layer) เพื่อความสวยงามและความสะดวกสบายของนักท่องเที่ยว การผสมผสานทั้งสองประเภทช่วยตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการป้องกันชายฝั่งและการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว

Beachlover

January 10, 2025

มาตรการแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน

Beach Lover ได้เคยนำเสนอแนวคิดเรื่อง การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solutions for coastal erosion) ไปแล้วในอดีต ติดตามได้จากโพส https://beachlover.net/nature-based-solutions/ ครั้งนี้ขอลงรายละเอียดด้านมาตรการที่ใช้เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น การกัดเซาะชายฝั่งเป็นปัญหาที่สำคัญในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่ง การใช้ “ธรรมชาติเป็นฐาน” ในการแก้ไขปัญหานี้ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากวิธีการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ลดการกัดเซาะ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและให้ประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solutions for coastal erosion) คือการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธรรมชาติ หรือการเลียนแบบกระบวนการทางธรรมชาติ เพื่อลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง วิธีการนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศชายฝั่ง เช่น ป่าชายเลน หญ้าทะเล แนวปะการัง และเนินทราย ซึ่งเป็นแนวป้องกันตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความรุนแรงของคลื่นและกระแสน้ำ รวมถึงช่วยดักจับตะกอน ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแรงให้กับชายฝั่งอย่างยั่งยืน การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based solutions for coastal erosion) เป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในการปกป้องและฟื้นฟูชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะ แทนที่จะใช้โครงสร้างแข็ง เช่น เขื่อนกันคลื่นหรือกำแพงกั้นทะเล วิธีนี้จะเน้นการฟื้นฟูหรือเสริมสร้างระบบนิเวศธรรมชาติที่มีอยู่ เพื่อให้ช่วยลดแรงคลื่นและการกัดเซาะชายฝั่งโดยธรรมชาติ แนวทางการแก้ไขโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในประเทศไทย ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในต่างประเทศ การใช้ธรรมชาติเป็นฐานเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันชายฝั่งเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย

Beachlover

October 23, 2024

ปริมาณทรายที่ใช้เติมชายหาด ต้องประเมินจากสิ่งใดบ้าง

Beach Lover ได้นำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับงานเติมทรายชายหาดไปแล้วหลายโพส ติดตามได้จาก Icon serch มุมขวาบน โดยค้นหาคำว่า “เติมทรายชายหาด” “พัทยา” “จอมเทียน” เป็นต้น รวมถึงความรู้เบื้องต้นที่เกี่ยวกับงานเติมทรายชายหาดสามารถสืบค้นได้จาก การเติมทรายชายหาดเพื่อป้องกันชายฝั่งทะเล https://beachlover.net/การเติมทรายชายหาดเพื่อ/ งานเติมทรายชายหาด อยู่ตรงไหนกันบ้าง https://beachlover.net/งานเติมทรายชายหาด-อยู่ต/ การคำนวณปริมาณทรายที่ใช้ในการเติมชายหาดนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของชายหาดแต่ละแห่ง ตัวอย่างการคำนวณอย่างง่าย: ตัวอย่างเช่น หากต้องการเติมทรายให้ชายหาดที่มีความยาว 500 เมตร เพิ่มความกว้าง 20 เมตร และความหนาของทราย 1.5 เมตร ปริมาตรทรายที่ต้องการเบื้องต้นคือ 15,000 ลูกบาศก์เมตร แต่หากจากการศึกษาพบว่าชายหาดนี้มีอัตราการกัดเซาะเฉลี่ย 0.5 เมตรต่อปี อาจต้องเพิ่มปริมาณทรายเผื่อการสูญเสียอีก 3,750 ลูกบาศก์เมตรสำหรับ 5 ปีข้างหน้า ทำให้ปริมาณทรายที่ต้องใช้ทั้งหมดเป็น 18,750 ลูกบาศก์เมตร นี่เป็นเพียงตัวอย่างการคำนวณอย่างง่าย ในทางปฏิบัติ การคำนวณจะซับซ้อนกว่านี้มาก และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชายฝั่งทะเล การคำนวณปริมาณทรายที่ใช้ในการเติมชายหาดจึงไม่ใช่เพียงแค่การคำนวณปริมาตรของพื้นที่ที่ต้องการเติม แต่ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้การเติมทรายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

Beachlover

August 5, 2024

หัวหาด Elastocoast พัทยาเหนือ

Beach Lover ได้เคยพาชมหัวหาด (Headland) ของพัทยามาแล้วหลังการสร้างเสร็จใหม่ๆ ครั้งนี้ขอพาสำรวจสภาพโดยทั่วไปในช่วงเดือน กรกฎาคม 2567 กันอีกรอบ สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่ทราบว่า Elastocoast คือวัสดุประเภทไหน หาอ่านเพิ่มเติมได้จาก โพส https://beachlover.net/elastocoast-คืออะไร/ จากการสำรวจพบว่ามีหลายตำแหน่งเกิดร่องรอยการแตกและการแยกออกจากพื้นผิวบ้าง พบว่าโดยรวมยังมีสภาพปกติ มีทรายสะสมตัวด้านหลังตามที่ได้ออกแบบไว้ มักพบนักท่องเที่ยวมานั่งชมพระอาทิตย์ตกกันบริเวณนี้ในช่วงเย็นถึงค่ำ

Beachlover

July 31, 2024

สำรวจงานเติมทรายหาดจอมเทียน มิ.ย.2567

ที่ผ่านมา Beach Lover ได้พาสำรวจชายหาดจอมเทียนทั้งก่อนและหลังการเติมทรายมาแล้วหลายรอบ เช่น https://beachlover.net/พาชม-เติมทรายชายหาดจอมเทียน-อีกครั้ง/ , https://beachlover.net/พาชม-เติมทรายชายหาดจอมเ/, https://beachlover.net/ส่องงานเติมทรายชายหาดจ/ รวมถึงสืบค้นได้จาก Icon search คำว่า “จอมเทียน” Beach Lover ได้มีโอกาสสำรวจหาดจอมเทียนอีกครั้งในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2567 ตลอดทั้งแนว ทั้งนี้ไม่แน่ใจเลยว่า งานเติมทรายของชายหาดนี้ที่ดำเนินการโดยกรมเจ้าท่านั้นเสร็จสิ้นตลอดทุกเฟสทั้งแนวชายฝั่งหรือยัง เนื่องจากไม่เห็นรั้วเพื่อปิดพื้นที่ก่อสร้างอีกแล้ว แต่ยังพบเรือขุดและพ่นทรายจอดอยู่นอกชายฝั่ง เมื่อเดินเท้าสำรวจชายหาดตั้งแต่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือตั้งแต่หาดยินยอม หาดดงตาล เรื่องลงมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหาดจอมเทียนจนเข้าเขตพื้นที่นาจอมเทียนถึงร้านอาหารลุงไสว ที่เป็นเขตสิ้นสุดงานก่อสร้าง มีสภาพชายหาดดังรูป พบว่า มีการทำทางขึ้นลงบันได และป้ายชื่อหาด เพิ่มเติมจากครั้งก่อนที่ Beach Lover ได้ลงมาสำรวจ พบว่าชายหาดจอมเทียนที่ถูกเติมทรายในระยะแรกๆยังมีสภาพไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก ชายหาดยังคงกว้างประมาณ 40-50 เมตร โดยพบว่าการตัด Slope ชายหาดเป็นสองระดับตามที่ได้ก่อสร้างไว้นั้นหายไปจนหมด หาดทรายกลืนกันเป็น Slope เดียวไม่ต่างจากหาดพัทยา ที่ Beach Lover พาสำรวจในช่วงเวลาใกล้ๆกัน (https://beachlover.net/pataya-after-sunset/)

Beachlover

June 16, 2024

หาดพัทยา (ยามใกล้ค่ำ)…ยังสบายดี ?

Beach Lover เคยพาสำรวจหาดพัทยามาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ช่วงเริ่มเติมทรายใหม่ๆจนถึงปัจจุบัน หาอ่านเพิ่มเติมได้จากโพสเก่าๆ โดยค้นหาจาก Search Icon มุมขวาของ Web ครั้งนี้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2567 Beach Lover ได้กลับมาสำรวจการใช้ประโยชน์ชายหาดแห่งนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตกได้ไม่นาน ในวันธรรมดาที่อากาศดีมากๆไม่ร้อน และไม่มีฝน จากการเดินเท้าสำรวจตั้งแต่หาดพัทยาเหนือ (วงเวียนปลาโลมา) ลงไปถึงพัทยากลาง (Central) พบผู้ใช้ชายหาดที่ส่วนมากมากันเป็นกลุ่ม นำเสื่อมาปู นำอาหารเครื่องดื่มมารับประทานกันบนหาดทราย มีการนำเก้าอี้สนามและโต๊ะแบบพับได้มาวางบนชายหาด บ้างก็มานั่งเล่นดูตะวันตกดิน มีการลงเล่นน้ำค่อนข้างน้อย อาจเป็นเพราะเมื่อพระอาทิตย์ลาขอบฟ้า ฟ้าก็เริ่มมืดและดูจะไม่ค่อยปลอดภัยหากลงเล่นน้ำทะเล พ่อค้าแม่ค้า นำอาหารเครื่องดื่มเดินตระเวนขายไปตามจุดที่มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มใหญ่ๆ หวังว่าจะมีอะไรขาดเหลือให้พอได้ขายของที่แบกมาทั้งวันได้บ้าง เท่าที่สังเกตด้วยสายตาพอประมาณได้ว่า ชายหาดพัทยายามนี้น่าจะมีความกว้างประมาณ 60-70 เมตรเลยทีเดียว จากข้อมูลที่กรมเจ้าท่าเคยระบุไว้ในช่วงเริ่มต้นโครงการว่าจะเติมทรายให้หาดมีความกว้างประมาณ 35 เมตร แล้วตัด Slope ลาดลงทะเล แต่เอาเข้าจริงๆหลังโครงการแล้วเสร็จพบว่ามีการเติมทรายมากกว่าที่ระบุไว้ในตอนต้นมาก จากการสำรวจไม่พบระดับของชายหาดที่แตกต่างกันตามที่กรมเจ้าท่าได้ทำการตัด slope เดิมไว้เป็นสองระดับ (ดูจากรูปด้านบน) โดยพบว่าชายหาดกลืนกันเป็น slope เดียวกันหมดแล้ว เมืองพัทยาได้เปิดไฟส่องสว่างกำลังค่อนข้างแรงริมชายหาดอย่างเพียงพอในระดับที่สามารถเห็นหาดทราย เห็นน้ำทะเล ได้อย่างชัดเจนตลอดทั้งชายหาด จนทำให้ผู้มาเยี่ยมเยือนนั่งกันอยู่บนชายหาดได้จนถึงค่ำมืดดึกดื่นได้เลย […]

Beachlover

June 8, 2024

น้ำท่วมหาดพัทยา อีกแล้ว !

ที่มา: Facebook page: PattayaWatchDog ชายหาดพัทยา เวลาฝนตกหนัก มวลน้ำไหลบ่ากัดเซาะชายหาดบางจุดกว้างเป็นเมตรๆ แต่เมืองพัทยาใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท วางท่อระบายน้ำขนาด 60 เซนติเมตร หวังรับน้ำฝน สุดท้ายน้ำกัดเซาะชายหาดเหมือนเดิม แยกมุมอร่อย งบทำบ่อสูบน้ำ 100 กว่าล้านบาทขุดถนนเป็นปีๆ เมืองพัทยารู้ว่า มวลน้ำจากซอย 5 ธันวา ไหลแรง 7 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 ตัวที่บ่อสูบน้ำสุขุมวิท ซอย 5 ธันวา รับมวลน้ำได้ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปล่อยน้ำอีก 6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไหลไปรวมที่แยกมุมอร่อยสายสาม ซึ่งมีบ่อสูบน้ำ มีเครื่องสูบน้ำ 2 ตัว รับมวลน้ำได้ 0.52 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีมวลน้ำเหลือ 5.48 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ท่วมขังบนถนน

Beachlover

October 24, 2023

หาดพัทยาพัง! รอบที่เท่าไหร่แล้ว?

ที่มา: https://web.facebook.com/STVPattaya เรื่องมันจบยาก…ฝนตกทุกครั้ง ชายหาดพัทยาพังทุกเที่ยว ชาวบ้านถามหาแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ดีแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาน้ำท่วมขัง นอกจากจะเป็นปัญหาผูกขาดที่อยู่คู่กับเมืองพัทยามาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าแก้ไขไม่เด็ดขาด เบ็ดเสร็จเสียที ทั้งที่ผ่านมาแม้ว่าเมืองพัทยาจะมีการตั้งงบประมาณและโครงการต่างๆเพื่อรองรับแก้ไขมาแล้วหลายครั้ง หลายรอบ หลายยุคสมัย หลายสมัยการปกครอง หมดงบประมาณไปหลายร้อยล้านบาท ทั้งโครงการแก้น้ำท่วมบนถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นสายหลัก ตลาดนาเกลือ หนองใหญ่ ถนนเลียบทางรถไฟ เขาตาโล เขาน้อย ซอยบัวขาว ถนนพัทยาสาย 3 หรือแม้แต่ถนนพัทยาสายเลียบชายหาด และที่เด่นชัดที่สร้างภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อการท่องเที่ยว คือการระบายน้ำฝนที่ปะปนกับน้ำเสียลงสู่ทะเล รวมและปริมาณน้ำที่หลาลงบนชายหาดพัทยา ที่กรมเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพในการทุ่มงบประมาณ 400 กว่าล้านบาทในการเสริมทรายในระยะ 50 เมตรจากแนวฟุตบาทเพื่อเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ด้วยพบว่ามีนัยยะของการกัดเซาะอย่างรุนแรง แต่ทุกครั้งตามข้อตกลงก่อนดำเนินการที่เมืองพัทยาตบปากรับคำว่าจะจัดทำระบบดักน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำพัดทรายไหลลงสู่ทะเล แต่ท้ายที่สุดเมื่อมีพายุฝนตกต่อเนื่องลงครั้งใด เมืองพัทยาก็ต้องประสบพบเจอกับปัญหาท่วมขังซ้ำซากแบบนี้ทุกครั้ง แม้จะตอบได้ว่าปัจจุบันมีการระบายน้ำที่รวดเร็วขึ้นก็ตาม โดทุกครั้งมัก จะมีเหตุผลที่วาเมืองพัทยาอยู่ในพื้นที่ต่ำที่ต้องรองรับมวลน้ำจากเทศบาลข้างเคียงที่มีพื้นที่สูงกว่าถึง 60 เมตร ในขณะที่ท่อระบายน้ำเดิมของเมืองพัทยาที่ใช้กันมาแต่อดีตรวมระยะทางนับพันกิโลเมตรนั้นมีขนาดความกว้างไม่เกิน 60-800 ม.ม.เท่านั้น ส่วนโครงการที่จัดทำไปก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นการจัดทำเพื่อให้มีการระบายน้ำที่รวดเร็วมากขึ้นและลดความเสียต่อทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวให้น้อยที่สุด โดยขณะที่กำลังรอแผนแม่บทของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่รัฐบาลมอบหมายจะให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมในงบประมาณนับหมื่นล้านบาท ซึ่งยังคงตอบไม่ได้ว่าจะดำเนินการเมื่อใด ปัจจุบันสิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็การใช้งบประมาณในการนำกำลังคนและเครื่องจักรลงพื้นที่ชายหาดพัทยาเพื่อเกลี่ยทรายให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมโดยเร็วที่สุด เพราะเมื่อเกิดปัญหาน้ำหลากครั้งใด ก็จะมีภาพความเสียหายต่อชายหาดเกิดขึ้นเมื่อนั้น กรณีนี้มีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตานักท่องเที่ยวออกไปทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่ปัจจุบันเมืองพัทยาได้ถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของ […]

Beachlover

October 11, 2022
1 2 4